posttoday

สุริยุปราคา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

26 เมษายน 2558

วันที่ 30 เม.ย. 2331 เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางดาราศาสตร์ของประเทศไทย

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

วันที่ 30 เม.ย. 2331 เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางดาราศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาในเวลาเช้าตรู่ที่พระราชวังในลพบุรี ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเสด็จสวรรคตเพียงสองเดือนเศษ เราทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงมีความสนพระทัยในวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาดาราศาสตร์ ทรงมีตำราและเครื่องมือวิทยาศาสตร์เทียบได้กับนักปราชญ์ในยุโรป และทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่พยายามนำพาประเทศผ่านยุคล่าอาณานิคมด้วยการเปิดรับวิทยาการสมัยใหม่

ก่อนหน้านั้นเกือบสองศตวรรษ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ได้แสดงถึงความสนพระทัยและทรงเป็นองค์อุปถัมภ์งานทางดาราศาสตร์ มีหลักฐานเป็นบันทึกและภาพวาดสีน้ำ เล่าถึงการทอดพระเนตรสุริยุปราคาและจันทรุปราคา สมเด็จพระนารายณ์พระราชทานที่ดินในลพบุรี ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการสถาปนาเป็นราชธานีแห่งที่สองของสยามในสมัยนั้น เพื่อก่อสร้างวัดสันเปาโล อันเป็นวัดในศาสนาคริสต์ ภายในมีที่พัก หอดูดาว ซึ่งมีลักษณะเป็นหอคอยแปดเหลี่ยม กล่าวได้ว่า มีความตั้งใจที่จะใช้เป็นหอดูดาวที่สำคัญแห่งหนึ่งในดินแดนตะวันออกไกล สมเด็จพระนารายณ์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 2199 รัชสมัยของพระองค์นับเป็นยุครุ่งเรืองของราชอาณาจักรสยาม ทั้งการขยายอาณาเขตอำนาจการปกครอง และการเป็นศูนย์กลางการค้าขายกับต่างประเทศ มีการแลกเปลี่ยนราชทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศส จากนั้นมีคณะบาทหลวงเยสุอิตเดินทางมาประจำในสยาม นอกจากความพยายามในการเผยแผ่คริสต์ศาสนานิกายโรมัน คาทอลิกแล้ว บาทหลวงจากฝรั่งเศสก็ได้ทำการสังเกตการณ์ทางดารา ศาสตร์เพื่อส่งรายงานกลับไปยังหอดูดาวปารีสตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งยาวนาน 32 ปี มีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าสนใจเกิดขึ้น เช่น ดาวหางแฮลลีย์ (หรือฮัลเลย์) มาเยือนโลกในปลายรัชกาล โดยมีบันทึกการสังเกตเห็นในอเมริกาเหนือและจีนในช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงปลายเดือน ก.ย. 2225

วันที่ 30 เม.ย. 2212 หรือ 19 ปี (1 วัฏจักรเมตอน) ก่อนสุริยุปราคาใน พ.ศ. 2231 ได้เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเห็นได้ในสยาม เส้นทางคราสเต็มดวงผ่านด้านตะวันตก แล้วเฉียงขึ้นไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีบันทึกที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2228 เชวาเลีย เดอ โชมอง ราชทูตฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาพร้อมกับคณะบาทหลวงเยสุอิต 6 รูป ซึ่งใช้สยามเป็นเส้นทางผ่าน ก่อนที่คณะเยสุอิตจะเดินทางต่อไปยังประเทศจีน ขณะอยู่ในสยามก็ได้ทำการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์เพื่อวัดระยะห่างระหว่างลองจิจูดของสยามกับปารีส ซึ่งช่วยในการระบุตำแหน่งบนแผนที่โลก สุริยุปราคาวันที่ 30 เม.ย. 2231 เป็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่มีแนวคราสเต็มดวงพาดผ่านอินเดียและจีน ไม่ผ่านสยาม แต่เห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วนได้ในเวลาเช้าตรู่ตั้งแต่หลังดวงอาทิตย์ขึ้นไม่นาน การสังเกตการณ์จึงต้องใช้การฉายภาพดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ ให้ภาพดวงอาทิตย์เว้าแหว่งไปปรากฏบนฉากรับภาพ สุริยุปราคาครั้งนั้นยังเกี่ยวข้องกับสุริยุปราคาเต็มดวงวันที่ 18 ส.ค. 2411 ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณและทอดพระเนตรที่หว้ากอ เนื่องด้วยเป็นสุริยุปราคาในสายเดียวกันตามวัฏจักรซารอสซึ่งยาวนาน 18 ปี กับ 10-11 วัน

นอกจากนี้ มีจันทรุปราคาเต็มดวงและบางส่วนเกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งที่โดดเด่นที่สุดคือจันทรุปราคาที่เกิดขึ้นในช่วงย่ำรุ่งของวันที่ 11 ธ.ค. 2228 ซึ่งบาทหลวงเยสุอิตได้ตั้งกล้องถวายสมเด็จพระนารายณ์ทอดพระเนตรที่พระตำหนัก ซึ่งปัจจุบันคือ พระที่นั่งไกรสรสีหราช ทะเลชุบศร เมืองลพบุรี เหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นในสมัยเดียวกัน (ค.ศ. 1656-1688) คือ เซอร์ไอแซก นิวตัน ตีพิมพ์ผลงาน “หลักการทางคณิตศาสตร์ของปรัชญาธรรมชาติ” (Philosophiae Naturalis Principia Mathematica) หรือที่เรียกกันในชื่อย่อว่า พรินซิเปีย (Principia) เมื่อ พ.ศ. 2230 อธิบายถึงกฎการเคลื่อนที่ของวัตถุ อันเป็นรากฐานสำคัญของกลศาสตร์แบบฉบับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติความรู้ทางฟิสิกส์ขนานใหญ่ การปฏิวัติในเดือน พ.ค. 2231 หรือหลังสุริยุปราคาเพียง 2 สัปดาห์เศษ ขณะสมเด็จพระนารายณ์ประชวร ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูต ทางดาราศาสตร์ และด้านอื่นๆ ที่สยามมีต่อฝรั่งเศสต้องยุติลง พระเพทราชาเกิดระแวงฝรั่งเศสและอิทธิพลของออกญาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ ม.กงสต็องส์) ชาวกรีซผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระนารายณ์ พระเพทราชาจึงเข้ายึดอำนาจ พร้อมทั้งขับไล่ทหารฝรั่งเศสออกจากแผ่นดินสยาม น่าเสียดายที่ความก้าวหน้าทางดาราศาสตร์ในสยามได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแผ่ขยายอำนาจของฝรั่งเศสทั้งทางการเมืองและศาสนา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องถูกต่อต้าน ทำให้สยามต้องสูญเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางความรู้ทางดาราศาสตร์แห่งหนึ่งของโลกตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อไร้ซึ่งการสนับสนุน หอดูดาววัดสันเปาโลจึงถูกทิ้งร้าง ปัจจุบันเหลือเพียงซากของผนังบางส่วนเท่านั้น

ผู้สนใจสามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหนังสือ “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช : พระมหากษัตริย์ผู้สนพระทัยและองค์อุปถัมภ์การศึกษาดาราศาสตร์ตะวันตกในสยามพระองค์แรก” เขียนโดย ภูธร ภูมะธน หนึ่งในหนังสือชุดพระมหากษัตริย์กับดาราศาสตร์ไทย จัดพิมพ์โดย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์