ประกันภัยพืชผล

การประกันภัยพืชผลเป็นมาตรการที่รัฐบาลส่งเสริมให้เกษตรกรที่เริ่มต้นจากชาวนา ป้องกันความเสี่ยงการปลูกข้าวที่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่าการชดเชยความเสียหายให้กับชาวนาที่เดิมรัฐบาลเป็นผู้จ่ายชดเชยให้มีจำนวนน้อยเกินไป

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัดประกอบกับการปลูกข้าวได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี การส่งเสริมให้ชาวนาทำประกันนาข้าวจึงเป็นมาตรการที่สำคัญ

ทั้งนี้ การประกันภัยพืชผลนั้นก็เหมือนกับการทำประกันภัยทั่วไป คือ บริษัทประกันเอกชนเข้ามาเป็นผู้รับประกันแบกรับความเสี่ยง ก็ต้องมีการคิดเบี้ยประกันในระดับที่สูงพอที่จะไม่ให้ขาดทุน แต่ทว่าเบี้ยประกันพืชผลต่อไร่ก็อาจจะเป็นภาระกับชาวนามากเกินไปจนไม่สนใจเข้ามาทำประกันภัยพืชผล

ดังนั้น รัฐบาลได้สนับสนุนการทำประกันภัยพืชผล โดยให้ชาวนาจ่ายเบี้ยประกันส่วนหนึ่งและรัฐบาลจ่ายชดเชยให้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้มาตรการเดินหน้าไปได้ เพราะผู้รับประกันไม่ขาดทุนและชาวนาไม่มีภาระจากการจ่ายเบี้ยมากไป

ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำประกันภัยพืชผลก็ได้สรุปรายละเอียดที่จะดำเนินการในการเพาะปลูก 2558/2559 โดยรวมค่าเบี้ยประกันที่ชาวนาต้องจ่ายลดลง 5%

สาระสำคัญของการทำประกันภัยพืชผลก็จะคิดเบี้ยประกันตามพื้นที่ความเสี่ยง แบ่งเป็น 5 พื้นที่ตั้งแต่เสี่ยงน้อยไปถึงมาก คิดค่าเบี้ยประกันตั้งแต่ 129.47 บาท/ไร่
ไปจนถึง 510.39 บาท/ไร่

แต่ทว่าเบี้ยประกันที่ชาวนาจะจ่ายจริงจะอยู่ที่ 60 บาท/ไร่ ไปถึง 100 บาท/ไร่ ที่เหลือรัฐเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกันให้ตั้งแต่ 69.47 บาท/ไร่ ถึง 410.39 บาท/ไร่ ตามลำดับ

สำหรับการคุ้มครองความเสียหายกรณีภัยที่เกิดจากน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และไฟไหม้ จะได้รับชดเชย 1,111 บาท/ไร่ ยกเว้นศัตรูพืชและโรคระบาดได้รับการชดเชย 555 บาท/ไร่

ทั้งนี้ นอกจากชาวนาจะได้รับค่าชดเชยจากการประกันภัยพืชผล ยังได้รับเงินช่วยเหลือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้ชาวนาได้รับเงินใกล้เคียงกับต้นทุนที่ี่ลงไป