posttoday

สุดยอดสัตว์สถาปนิก

12 เมษายน 2558

มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวที่ชื่นชอบการออกแบบ เราสามารถพบเจอสถาปนิกที่เก่งที่สุดในโลกได้ในเหล่าสัตว์

มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวที่ชื่นชอบการออกแบบ เราสามารถพบเจอสถาปนิกที่เก่งที่สุดในโลกได้ในเหล่าสัตว์เช่นกัน พวกมันสร้างที่อยู่อาศัยอันแสนสมบูรณ์ในรูปทรงเรขาคณิต และถึงขั้นมีที่พักแบบปรับอากาศได้ด้วย สถาปนิกชั้นเยี่ยมแห่งอาณาจักรสัตว์เหล่านี้ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติซึ่งมักจะเป็นสิ่งของเรียบง่าย อย่างเช่น กิ่งไม้ กระดาษ หรือมูลสัตว์

บีเวอร์ปกป้องบ้านด้วยน้ำ

บีเวอร์เป็นสถาปนิกด้านภูมิประเทศที่เชี่ยวชาญการปรับเปลี่ยนธรรมชาติให้เป็นไปตามความต้องการด้วยการโค่นต้นไม้แล้วสร้างเขื่อน วิศวกรขนปุยนี้เปลี่ยนภูมิประเทศใหม่หมด

สัตว์ฟันแทะชนิดนี้ปกป้องบ้านตัวเองจากผู้ล่าด้วยการจัดวางทางเข้าไว้ใต้น้ำ ดังนั้นจึงต้องสร้างที่อยู่ริมทะเลสาบหรือลำธาร แต่ถ้าน้ำไม่ลึกพอ มันก็จะสร้างเขื่อนเพื่อให้ระดับน้ำสูงขึ้น ผลคือเกิดน้ำท่วมพื้นที่กว้าง ทางเข้ารังจึงได้รับการปกป้องและยังช่วยให้พวกมันขนไม้ง่ายขึ้นด้วยการลอยไปในน้ำ

เขื่อนบีเวอร์ที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 500 เมตร แต่ในอุทยานแห่งชาตินอร์ทเทิร์น แอลเบอร์ตา ในแคนาดา ที่อยู่ห่างไกล บีเวอร์สร้างเขื่อนที่ทำลายทุกสถิติ เป็นเขื่อนที่ยาวถึง 850 เมตร ซึ่งยาวกว่าเขื่อนฮูเวอร์อันเลื่องชื่อของสหรัฐอเมริกาถึงกว่าสองเท่า เขื่อนบีเวอร์ดังกล่าวค้นพบจากกูเกิลเอิร์ทโดยบังเอิญในปี 2010 มีขนาดใหญ่มากจนสามารถมองเห็นจากดาวเทียม

มดแดงใช้ตัวอ่อนเป็นปืนกาว

มดส่วนใหญ่อยู่บนดิน แต่มดแดงชอบห้องชุดสุดหรู ด้วยเหตุนี้รังมดแดงจึงมีขนาดเท่าลูกบอลชายหาดห้อยลงมาจากยอดไม้ มดงานที่สร้างรังนั้นมีขนาดเพียง 5-10 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าตัวเล็ก ดังนั้นเมื่อมดแดงเก็บใบไม้ใบใหญ่ๆ พวกมันจึงต้องต่อตัวกันเป็นสาย โดยมดจะร่วมมือกันทำงานด้วยการเกาะเกี่ยวกันเป็นโซ่ ขากรรไกรของมดตัวหนึ่งจะไป “โอบรอบ” เอวของมดอีกตัวหนึ่ง วิธีนี้มดนับร้อยๆ ตัวจะสร้างสายโซ่ยาวกว่า 20 เมตร ทำให้พวกมันเอื้อมไปถึงใบไม้ได้

จากนั้นใบไม้ถูกนำมาติดกาวเข้าด้วยกันด้วยปืนกาว ซึ่งได้แก่ ตัวอ่อนของมด ตัวอ่อนเหล่านี้สร้างเส้นไหมได้ มดงานจะใช้ขากรรไกรคาบตัวอ่อน แล้วขยับหัวไปมาตามขอบใบไม้ จนใบไม้เชื่อมติดกัน

เคหสถานของนก

ถ้ามองจากที่ไกล รังนี้ดูเหมือนกองฟางที่กำลังจะร่วงจากต้นไม้ แต่ถ้าดูระยะใกล้คุณจะเห็นรังนกที่ถักทอกันอย่างซับซ้อน ผู้อยู่อาศัยอยู่กันเป็นคู่ๆ ตลอดทั้งปีในรังส่วนตัว ซึ่งมีทางเข้าของตัวเอง รังรวมหมู่ขนาดใหญ่นี้อาจรองรับนกได้ถึง 100 ครอบครัว หรือนับรวมนกได้ถึง 400 ตัว มันแข็งแรงเสียจนนกสามารถอยู่อาศัยได้หลายต่อหลายรุ่น แต่หากมีการดูแล รังนี้จะอยู่ได้นานกว่า 100 ปี

รังรวมหมู่ใหญ่ที่สุดมีขนาดกว้างราว 6 เมตร สูง 3 เมตร หนักหลายตัน ภายในรัง นกจะอยู่ในห้องติดๆ กันคล้ายอพาร์ตเมนต์ แต่ละห้องมีความกว้าง 10-15 เซนติเมตร ซึ่งบุด้วยชิ้นส่วนของพืชที่อ่อนนุ่ม ขนสัตว์ ฝ้าย และขนนก ตรงก้นของรังแต่ละรังจะมีทางเข้าส่วนตัว เป็นอุโมงค์ยาว 25 เซนติเมตร โดยมีฟางแหลมทำหน้าที่คอยกั้นไว้เหมือนลวดหนาม

ตึกระฟ้าลอนดอนเลียนแบบฟองน้ำในทะเลลึก

เมื่อ นอร์มัน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชาวอังกฤษออกแบบอาคารสำนักงานสูง 180 เมตร เลขที่ 30 เซนต์แมรีแอกซ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ตึกเกอร์คิน” นั้น เขาพิจารณาฟองน้ำกระเช้าดอกไม้วีนัส (ฟองน้ำสายพันธุ์ Euplectella) ซึ่งเป็นฟองน้ำในทะเลลึก โครงร่างจะมีรูปทรงกระบอก ทำจากชิ้นส่วนเล็กๆ เหมือนแก้วประกอบกันขึ้นเป็นช่องรูปทรงหกเหลี่ยมส่องประกาย นอกจากแข็งแรงและยืดหยุ่นแล้ว โครงร่างนี้ยังมีประสิทธิภาพในการกรองจุลินทรีย์จากน้ำทะเล เพื่อเป็นอาหารของฟองน้ำอีกด้วย ในตึกระฟ้าของฟอสเตอร์ คุณสมบัติการกรองถูกนำมาใช้เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศที่ชั้นล่าง อากาศจะถูกดูดเข้าไปในตึกเกอร์คินผ่านปล่องรูปกรวย จากนั้นอากาศจะหมุนเวียนขึ้นไปด้านบนผ่านโครงตึก ทำให้ภายในอาคารมีอากาศเย็นขึ้น

ปลวกสร้างวิหารปรับอากาศ

ปลวกเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบโครงสร้าง และสปีชีส์หนึ่งที่เป็นเลิศในเรื่องนี้ก็คือ ปลวกสร้างวิหาร (Cathedral Termite) โครงสร้างรังของมันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยนาน 50-100 ปีนั้น ทำจากส่วนผสมของดิน พืชที่ถูกเคี้ยว ของเสีย และน้ำลาย จากด้านนอกรังดูโอ่อ่าอลังการ แต่ภายในยิ่งน่าประทับใจขึ้นอีก ภายใต้เปลือกที่แข็งเหมือนหินนั้น รังยังมีระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงมาก มีปล่องอากาศและรูระบายซึ่งควบคุมอุณหภูมิและความชื้นของอากาศ ระบบนี้รับประกันว่า ไม่ว่าด้านนอกร้อนหรือหนาวแค่ไหน ปลวก 2-3 ล้านตัวจะอยู่ได้อย่างสบายในรังที่มีอุณหภูมิราว 30 องศาเซลเซียสเสมอ

แพรรีด็อกสร้างเมืองใต้ดิน

ในทุ่งหญ้าแพรรีแห่งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เหล่าแพรรีด็อกทุ่งเดินทางไปยังที่ต่างๆ ด้วยระบบเมืองใต้ดินที่พวกมันสร้างขึ้นโดยใช้กรงเล็บแหลมคม เมืองเหล่านี้เห็นได้จากที่ไกล เนื่องจากมีเชิงเทินพูนสูงขึ้นมา ทำจากดินล้อมรอบทางเข้า เชิงเทินนี้เหมือนปล่องไฟและทำหน้าที่เป็นระบบระบายอากาศ รวมถึงหอเฝ้าระวัง แพรรีด็อกจำนวนหนึ่งจะคอยเฝ้ายาม ในขณะที่สมาชิกตัวอื่นของฝูงจะออกหาอาหาร

อาณานิคมนี้ ปกติจะมีแพรรีด็อกราว 1,000 ตัว และมักส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่นทำให้ใหญ่ขึ้น อาณาจักรปกติจะกินพื้นที่ถึง 1.3 ตร.กม. และบางแห่งก็ใหญ่กว่านี้ แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่รู้กันตั้งอยู่ในรัฐเทกซัสกินพื้นที่ถึง 6.5 หมื่น ตร.กม. มีแพรรีด็อกอยู่ราว 400 ล้านตัว

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้