วงการยิปซัมร้องรัฐช่วยหลังโดนทุ่มตลาดหนัก

ผู้ส่งออกแร่ยิปซัมโวยเจอต่างชาติทุ่มตลาด ซ้ำค่าภาคหลวงแพง หวั่นกระทบหนัก

แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมแร่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตแร่ยิปซัมของไทยที่มีทั่วประเทศกว่า 20 ราย กำลังประสบปัญหาในการประกอบธุรกิจโดยเฉพาะด้านการส่งออก เนื่องจากปัจจุบันถูกประเทศโอมาน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าแย่งตลาดส่งออกอินเดียตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และตลาดเวียดนามเริ่มได้รับผลกระทบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยโอมานได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการเหมือง เก็บค่าภาคหลวงอัตราต่ำ และมีบริษัทขนาดใหญ่ของคนไทยเป็นผู้ทำตลาดให้

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาจากการที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกแร่ยิปซัมใหม่ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ประเมินเรียกเก็บค่าภาคหลวง อยู่ที่ 22 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 18.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน ที่เพิ่งปรับไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2557 จากปกติการเปลี่ยนแปลงราคาจะดำเนินการช่วง 2-3 ปี และเพิ่มครั้งละ 1-1.5 เหรียญสหรัฐ/ตัน การกำหนดราคาครั้งใหม่จะยิ่งซ้ำเติมผู้ผลิตไทยที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยให้ได้รับผลกระทบและแข่งขันในตลาดโลกยากขึ้น

“ที่ผ่านมาได้เคยทำหนังสือคัดค้านและหารือกับ กพร.ในเบื้องต้นแล้ว แต่หากยังเดินหน้ากลุ่มผลิตจะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ อยากให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านต้นทุนที่ต้องแข่งขันในการส่งออก หากราคาส่งออกของไทยสูงกังวลว่าจะทำให้ตลาดส่งออกในอาเซียนทั้งหมดถูกแย่ง เช่นเดียวกับกรณีอินเดีย ที่ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือคำสั่งมายังไทยแล้ว” แหล่งข่าวเปิดเผย

นายสุรพงษ์ เชียงทอง อธิบดี กพร. เปิดเผยว่า กพร.มีแนวคิดที่จะปรับปรุงราคาประกาศของแร่ยิปซัมเพื่อให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาของปี เพื่อให้รัฐได้รับส่วนแบ่งที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กรมได้หารือกับผู้ประกอบการและนักวิชาการถึงเรื่องความเหมาะสมของราคาประกาศใหม่แล้ว แต่มีผู้ประกอบการบางรายคัดค้าน ซึ่งกรมกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่

อย่างไรก็ตาม แร่ยิปซัมไทยมีคุณภาพสูงกว่าต่างประเทศ หากผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพในอุตสาหกรรมให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าอุตสาหกรรมแร่ยิปซัมของไทยยังจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ แทนที่จะมุ่งส่งออกปริมาณมาก แต่ได้ราคาต่ำ