บ้านหลวงราชไมตรี ฮิสตอริค อินน์ กิจการสังคมเพื่ออนุรักษ์สถาปัตยกรรมและชุมชน
สถาบันอาศรมศิลป์ สถาบันการศึกษาเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร เข้าไปมีบทบาทด้านการอนุรักษ์บ้านเก่า
โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย
สถาบันอาศรมศิลป์ สถาบันการศึกษาเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร เข้าไปมีบทบาทด้านการอนุรักษ์บ้านเก่าในชุมชนริมน้ำจันทบูร จ.จันทบุรี ตั้งแต่ปี 2552 และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วม โดยนำแนวคิดกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) มาใช้เป็นเครื่องมือ
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างชมรมพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร เจ้าของบ้านและบริษัท ร่วมทุนรักษ์ดี (โดยสถาบันอาศรมศิลป์) ก่อตั้ง บริษัท จันทบูรรักษ์ดี เพื่อดำเนินกิจการเพื่อสังคม ระดมทุนจากชาวชุมชนจันทบูรและคนทั่วไปที่มีเจตนารมณ์ร่วมเดียวกัน เปิดขายหุ้นจำนวน 8,800 หุ้น หุ้นละ 1,000 บาท หาทุนจำนวน 8.8 ล้านบาท นำมาบูรณะบ้านขุนอนุสรสมบัติ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนและปรับปรุงบ้านหลวงราชไมตรี ให้เป็นที่พักในรูปแบบบ้านพักประวัติศาสตร์ (Historic Inn)
ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นจำนวน 501 คน และที่พักประวัติศาสตร์บ้านหลวงราชไมตรี ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว
บ้านหลวงราชไมตรีน่าจะเป็นโมเดลแรกในประเทศไทย ที่ใช้กลไกกิจการเพื่อสังคมเพื่องานอนุรักษ์ โดยวิธีการเริ่มจากการพูดคุยกับชาวบ้านว่าชุมชนยังขาดอะไร
ภาณุมาศ ชเยนทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จันทบูรรักษ์ดี ที่ดูแลเรื่องธุรกิจของโครงการ เล่าถึงกระบวนการทำงานว่า เมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันแล้วว่าจะปรับปรุงบ้านเก่าให้เป็นที่พัก ก็เริ่มหาบ้านโดยการติดต่อไปยังบ้านเป้าหมาย แต่ประสบปัญหาเพราะบ้านเป้าหมายดังกล่าวยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการ กระทั่งทายาทของบ้านหลวงราชไมตรีติดต่อเข้ามา ยินดีให้เช่าบ้านภายใต้เงื่อนไขร่วมกัน เช่น ต้องทำส่วนหนึ่งของบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชน ห้ามทำกิจการที่เป็นอบายมุข ถ้าธุรกิจที่พักไม่สำเร็จสามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจอื่นได้ และต้องทำสัญญาเช่า 30 ปี ค่าเช่าเดือนละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 360 บาท
ในการปรับปรุงที่พักต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์เป็นหัวใจสำคัญ ธิป ศรีสกุลไชยรัก อาจารย์และสถาปนิก สตูดิโออนุรักษ์สถาปัตยกรรมและชุมชน สถาบันอาศรมศิลป์ กล่าวว่า ได้ปรับให้มีห้องพัก 12 ห้อง ที่แสดงถึง 12 เกร็ดชีวิตของท่านหลวงราชฯ ในขณะที่ยังรักษาโครงสร้างเดิมไว้ ซึ่งการปรับปรุงบ้านต้องใช้เงินลงทุนถึง 8.8 ล้านบาท จึงเปิดขายหุ้นให้ชาวชุมชนและบุคคลทั่วไป ในระยะ 1 เดือนแรกมีคนแสดงเจตจำนงร่วมหุ้นมากกว่า 100 คน เป็นจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการตอบรับที่เหนือความคาดหมาย
การระดมทุนภายใต้นามบริษัท จันทบูรรักษ์ดี หมายความว่า หากธุรกิจไปไม่รอดก็ต้องปิดบริษัท โดยบริษัทได้ถือหุ้นไว้ 26 เปอร์เซ็นต์ ตามคำขอของคนในชุมชน เพื่อร่วมดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามทิศทางที่วางไว้ ซึ่งหากธุรกิจสามารถดำเนินการโดยชุมชนเองแล้ว บริษัทก็ยินดีคืนหุ้นให้ทันที
“ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนยังไม่เข้าใจว่ากิจการเพื่อสังคมคืออะไร บ้างคิดว่าคือการทำบุญร่วมกัน ซึ่งเราก็ไม่อยากให้คนมาร่วมหุ้นเพราะเม็ดเงินเป็นหลัก แต่อยากให้มาร่วมกันเพื่อสร้างตัวอย่างงานอนุรักษ์ที่สามารถรองรับวิถีชีวิตของเขาได้จริงๆ ในเรื่องเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมด้วย” ธิป กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากชุมชนไม่เข้มแข็งการทำกิจการเพื่อสังคมจะกลายเป็น “ดาบสองคม” ทันที หมายความว่า ผู้ที่มาร่วมหุ้นจะได้ประโยชน์เพียงกลุ่มเดียว แล้วคนอื่นๆ ในชุมชนจะได้ประโยชน์อย่างไร ประเด็นนี้ตอบได้ด้วยลักษณะการดำเนินธุรกิจที่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวออกไปจับจ่ายกับชาวบ้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงสร้างความตระหนักให้เห็นความสำคัญของชุมชน
นอกจากนี้ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีจะมีการปันผลตามระบบบริษัท โดยนำเงินส่วนหนึ่งไปพัฒนาชุมชน “เราจะกันเงินไว้เป็นกองกลาง โดยจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง 501 มาระดมความเห็นว่าจะนำเงินไปทำอะไรเพื่อชุมชน” ภาณุมาศ บอกด้วยว่า ผู้ร่วมหุ้นจะได้รับเงินปันผลทันทีเมื่อบริษัทมีกำไร
ความท้าทายในขณะนี้คือ “ทำอย่างไรให้ธุรกิจไปรอด” เพื่อจะได้เป็นต้นแบบและจุดประกายให้ชุมชนอื่นๆ ซึ่งการดำเนินกิจการเพื่อสังคมมิใช่หนทางเดียว การอนุรักษ์ยังทำได้อีกหลายวิธี บ้านหลวงราชไมตรีเป็นเพียงโมเดลหนึ่งที่เป็นไปได้


