posttoday

สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน

12 มีนาคม 2558

โดย...อรุณ จิรชวาลา

โดย...อรุณ จิรชวาลา

วันนี้ขอพูดเรื่องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไม่ใช่ในส่วนที่ไปเกี่ยวข้องกับศาสนาและวัดธรรมกายนะครับ เพราะผมไม่ทราบตื้นลึกหนาบางดีพอ แต่ขอพูดในประเด็นการเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์และเป็นสถาบันการเงิน ซึ่งความมั่นคงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะมีผู้ฝากเงินรายย่อยเป็นจำนวนมาก

สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จัดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ประเภทหนึ่ง หลักการในการจัดตั้งไม่มุ่งหวังผลกำไร แต่มุ่งพัฒนาคนและสังคมให้สมาชิกช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บริหารจัดการโดยสมาชิกหรือทีมงานที่สมาชิกเป็นผู้เลือก โดยยึดหลักเสมอภาค หนึ่งคนหนึ่งเสียง ไม่ว่าจะถือหุ้นมากหรือน้อย

ในประเทศไทย ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วไปกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ คือ สหกรณ์ออมทรัพย์มักจะเป็นสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นภายในหน่วยงาน สำหรับให้บริการพนักงานของหน่วยงานนั้นๆ โดยใช้วิธีหักเงินเดือนเพื่อชำระค่าหุ้นและเพื่อชำระหนี้ ส่วนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เป็นสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นตามชุมชน ตามหมู่บ้าน หรือในกลุ่มคนที่มีกิจกรรมร่วมกัน จึงมักจะไม่มีระบบเงินเดือนให้หักชำระหนี้

โดยทั่วไปทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จะรับฝากและให้กู้ยืมกันเองในหมู่สมาชิก ดอกเบี้ยเงินฝากมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่า ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งผู้กู้และผู้ฝาก

เมื่อสิ้นปี 2557 ทั่วประเทศไทยมีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ กว่า 1,200 แห่ง มีสมาชิกรวม 1.4 ล้านคน มีสินทรัพย์รวม 58.7 พันล้านบาท เงินฝากรวม 33.0 พันล้านบาท ลูกหนี้รวม 35.9 พันล้านบาท และทุนเรือนหุ้น 25.3 พันล้านบาท

ใหญ่ที่สุดคือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ที่กำลังตกเป็นข่าวนั่นเอง โดยใหญ่กว่าที่ 2 หลายเท่าตัวในทุกๆ ด้าน แต่สินทรัพย์รวมซึ่งก่อนเกิดเรื่องมีมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 7,000 ล้านบาท เข้าใจว่าเกิดจากการบันทึกความเสียหายไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินฝากกลับเพิ่มเข้าใจว่าส่วนหนึ่งเพราะผู้ฝากขอถอนไม่ได้

ความเสียหายของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ สูงมากเมื่อเปรียบกับสินทรัพย์รวม คือเสียหายไปกว่า 2 ใน 3 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้ คำถามที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ ผู้ฝากรายย่อยได้รับการการปกป้องคุ้มครองที่พึงได้รับหรือไม่

ก่อนอื่นผมขอย้อนกลับไปเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภายในหน่วยงานก่อน สินทรัพย์ส่วนใหญ่จะเป็นเงินที่ให้สมาชิก ซึ่งเป็นพนักงานของหน่วยงานนั้นกู้ยืม ความเสี่ยงในเรื่องหนี้เสียจึงอยู่ในระดับต่ำ เพราะเมื่อเงินเดือนออก ส่วนหนึ่งจะถูกหักมาชำระหนี้สหกรณ์ก่อน

สหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนใหญ่จึงมีความมั่นคงและเป็นที่นิยมของสมาชิก เงินฝากก็ปลอดภัยได้ดอกเบี้ยสูง เงินกู้ก็สะดวกและดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อบุคคลของธนาคารสมตามความมุ่งหมายในการก่อตั้งสหกรณ์เกือบทุกประการ

อาจมีปัญหาอยู่บ้างจากการที่กรรมการและผู้บริหารมักจะมีอำนาจมากเกินไปและอยู่ในตำแหน่งนานเกินไป จนเกือบสามารถทำอะไรตามใจชอบ เช่น ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและแห่ไปทัวร์ต่างประเทศ ที่เลวร้ายเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งคือการหากินกับสมาชิก เช่น ให้เบิกเงินส่วนตัวล่วงหน้าโดยคิดค่าธรรมเนียมแพงๆ และเมื่อเงินกู้ได้รับการอนุมัติก็หักบางส่วนหรือทั้งจำนวนมาใช้หนี้

แต่เพียงเท่านี้ยังไม่กระทบความมั่นคงของสหกรณ์ ที่อาจมีผลกระทบและกำลังเป็นข่าวคือ การเอาเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ไปฝากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า ผมเห็นชื่อสหกรณ์ตำรวจกับสหกรณ์จุฬาฯ ที่ไปฝากเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ รายละนับพันล้านบาท เข้าใจว่ายังมีสหกรณ์ออมทรัพย์อื่นอีกหลายสหกรณ์ แต่จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องอาจจะน้อยกว่า

มาพูดเรื่องความมั่นคงของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ บ้าง เนื่องจากหักเงินเดือนชำระหนี้ไม่ได้ ความเสี่ยงจึงสูงกว่ากันมาก และที่สำคัญคือในกรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ มีการปล่อยกู้ที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของเงินเดือน รวมทั้งการปล่อยกู้ในรูปเงินทดรองจ่ายให้กรรมการและผู้บริหาร การปล่อยกู้ให้นิติบุคคลและสมาชิกสมทบตลอดจนมีการเอาเงินไปซื้อหุ้นและโอนไปต่างประเทศ ซึ่งผมนึกไม่ออกว่าโอนไปด้วยเหตุผลอะไร

ปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้การบริหารจัดการที่ขาดความโปร่งใสคือ ความไร้ประสิทธิภาพในการกำกับดูแล เป็นเรื่องประหลาดที่สถาบันการเงินที่รับฝากเงินจากรายย่อยจะถูกกำกับดูแลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผมเชื่อว่าแม้แต่เจ้ากระทรวงหรือปลัดกระทรวงก็ตอบไม่ได้ว่ากระทรวงนี้มีความเชี่ยวชาญในการกำกับดูแลสถาบันการเงินอย่างไร

การกำกับดูแลสถาบันการเงินมีแง่มุมที่หลากหลาย เช่น เรื่องมาตรฐานบัญชี การสอบบัญชี การเปิดเผยข้อมูล การบริหารความเสี่ยง ระบบควบคุมภายใน ตลอดจนกฎระเบียบต่างๆ มีคนเสนอว่าควรโอนการกำกับดูแลไปให้กระทรวงการคลัง แต่ผมเชื่อว่าเท่านั้นยังไม่พอ เพราะที่ผ่านมากระทรวงการคลังเองก็กำกับดูแลธนาคารของรัฐได้ไม่ดีนัก วิธีที่ดีที่สุดน่าจะให้สถาบันการเงินทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ซึ่งนอกจาก ธปท.จะเชี่ยวชาญมากกว่าแล้ว ทุกสถาบันการเงินจะได้อยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน

ขอยกตัวอย่างกรณีของสหรัฐ ซึ่งมีระบบเครดิตยูเนี่ยนใหญ่ที่สุดในโลก ธนาคารกลาง หรือเฟด ไม่ได้เข้าไปกำกับดูแลเองทั้งหมด แต่เป็นผู้ออกกฎระเบียบให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลนำไปปฏิบัติ ระบบของเขาจึงมั่นคงและปลอดภัยกว่าของเรามาก

ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงคือ เมื่อเกิดปัญหาแล้วจะแก้ไขอย่างไร ในกรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ผมเห็นมีข้อเสนอหลากหลาย เช่น ให้หาเงินให้กู้ 5,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาปัญหาสภาพคล่องให้ธนาคารออมสินกับ ธ.ก.ส.เข้าไปช่วย รวมทั้งให้ผู้บริหารชุดปัจจุบันเสนอแผนฟื้นฟู

ผมอยากจะขอยืนยันจากตัวเลขที่ปรากฏว่า ปัญหาในขณะนี้ยากเกินกว่าที่จะเยียวยาหรือฟื้นฟูไหว เพราะเหลือทรัพย์สินที่มีค่าน้อยมากเมื่อเปรียบกับปริมาณหนี้สิน ที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจังคือการเลิกกิจการและชำระบัญชี

นอกจากนี้ ควรรีบตรวจสอบสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ อื่นๆ โดยรีบด่วนด้วยว่ามีปัญหาความมั่นคงแอบแฝงอยู่หรือไม่ หากมีก็ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา