สนช.ปล่อยอดีตสว. แก้รธน.ไม่ถูกถอด
ถนนการเมืองทุกสายของประเทศไทยในเวลานี้กำลังพุ่งตรงมาที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกครั้ง
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ถนนการเมืองทุกสายของประเทศไทยในเวลานี้กำลังพุ่งตรงมาที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกครั้ง เนื่องจากจะมีคิวชี้ชะตาอนาคตของอดีต สว. จำนวน 38 คน ในคดีถอดถอนจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ สว.โดยมิชอบ
วันที่ 11 มี.ค. จะเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวแทนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีต สว.38 คน แถลงปิดคดี เพื่อนำเสนอข้อมูลของแต่ละฝ่ายให้ สนช.รับทราบ จากนั้นวันที่ 12 มี.ค. สนช.จะลงมติว่าจะถอดถอนอดีต สว.หรือไม่ โดยการถอดถอนจะเป็นผลได้ก็ต่อเมื่อ สนช.มีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 จากสมาชิก สนช.เท่าที่มีอยู่ หรือ 132 คนจาก สนช. 220 คน
การจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนในครั้งนี้ของ สนช.นับว่ามีความสำคัญอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองทั้งชีวิตของอดีต สว.ทั้ง 38 คนด้วย
ต้องไม่ลืมว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สส.และ สว.เอาไว้ข้อหนึ่งว่า “ต้องไม่เคยถูกวุฒิสภาลงมติถอดถอน”
คุณสมบัติข้อนี้เป็นการยืนตามหลักการของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่มีอยู่ตั้งแต่เดิม แต่เมื่อนำมาใช้ในบริบทการเมือง พ.ศ.นี้ ต้องถือว่าการสร้างความสยดสยองให้กับอดีต สว.ทั้ง 38 คนแทบทั้งสิ้น เนื่องจากหากอดีต สว.คนใดโดน สนช.ถอดถอนขึ้นมาเท่ากับว่า สว.คนนั้นย่อมหมดสิทธิกลับเข้าสู่สนามการเมืองระดับประเทศไปตลอดชีวิต
แม้ในคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เองยังไม่เคยมีการให้ความเห็นอย่างเป็นทางการว่าบุคคลที่ถูก สนช.ลงถอดถอนจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตหรือไม่ เพราะกรรมาธิการยกร่างฯ บางคนเห็นว่ากระบวนการถอดถอนของ สนช.จะถือว่าเป็นการถอดถอนโดยวุฒิสภาตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่มาถึงชั่วโมงนี้ ถ้าใครถูกถอดถอนก็ต้องถือว่าติดคุกการเมืองตลอดชีวิตไปแล้วครึ่งตัว
อย่างไรก็ตาม หากประเมินท่าทีของ สนช.ต่อเรื่องการตัดสินใจเรื่องการถอดถอนกรณีนี้ต้องยอมรับว่ายังแบ่งออกได้เป็นสองทาง
ทางที่ 1 สนช.ควรลงมติถอดถอน : มีความเคลื่อนไหวในกลุ่มอดีต สว.สรรหาที่ปัจจุบันเป็นสมาชิก สนช.ที่พยายามแสดงให้ สนช.กลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะทหารและข้าราชการให้เล็งเห็นว่าการกระทำของอดีต สว.ทั้ง 38 คน เป็นความผิดที่สมควรถูกถอดถอน
ทั้งนี้ เนื่องจาก ป.ป.ช.ให้ความเห็นว่าการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอดีต สว.กลุ่มนี้ เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อเปิดทางให้ สว.เลือกตั้งที่กำลังหมดวาระสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญได้วางหลักการมาตลอดว่า สว.ที่หมดวาระแล้วจะไม่สามารถลงสมัครติดต่อกันได้
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมถือว่าเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 122 ชัดเจน ซึ่งมีบทบัญญัติว่า "สส.และ สว.ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์"
ดังนั้น เมื่อความผิดของอดีต สว.มีลักษณะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน จึงมีความจำเป็นที่ สนช.ควรวางบรรทัดฐานไว้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนใดมีการกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่ขัดกัน สมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ป้องกันไม่ให้สมาชิกรัฐสภาในอนาคตใช้อำนาจนิติบัญญัติเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้อีก
ทางที่ 2 สนช.ไม่ควรลงมติถอดถอน : เหตุผลที่ไม่ควรถอดถอน คือ เหตุผลของป.ป.ช.ที่เห็นว่าอดีต สว.มีความผิดนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพราะมาตรา 130 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้คุ้มครองการทำหน้าที่่ของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมาตรา 130 ระบุว่า "ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดมิได้"
หาก สนช.ลงมติถอดถอนอดีต สว.กลุ่มนี้ อาจสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงมติในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวของอดีต สว.เป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และต่อไปอาจทำให้สมาชิกรัฐสภาในอนาคตรู้สึกไม่เป็นอิสระในการทำหน้าที่ เนื่องจากกลัวถูกฟ้องร้อง จึงเห็นว่าถ้าจะเอาผิดก็ควรเอาผิดในทางอาญาแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่
จากสองแนวทางและสองแนวความคิดดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน สนช. ประกอบกับเทียบเคียงจากกรณีที่ สนช.มีมติไม่ถอดถอน “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” อดีตประธานรัฐสภา และ “นิคม ไวยรัชพานิช” อดีตประธานวุฒิสภา ในคคดีเดียวกัน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เสียงข้างมากของ สนช.จะไม่พอสำหรับการถอดถอนอดีต สว.ทั้ง 38 คน
เหนืออื่นใดอดีต สว.กลุ่มนี้ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยตรง โอกาสรอดจึงมากขึ้น เมื่อเทียบกับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ถึงจะรอดจากการถูกถอดถอน ก็คงเป็นเรื่องยากที่อดีต สว.ทั้ง 38 คนจะมีโอกาสได้กลับเข้ามาสภาอีกภายใต้กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


