posttoday

คอนเฟิร์ม!"พยาธิไชผิวหนัง"ไม่ได้เกิดจากกินปลาร้า

02 มีนาคม 2558

นักวิชาการยันภาพถ่ายใบหน้าหญิงสาวเป็น"พยาธิไชผิวหนัง"จริง แต่ไม่ได้เกิดจากการกินปลาร้า

นักวิชาการยันภาพถ่ายใบหน้าหญิงสาวเป็น "พยาธิไชผิวหนัง"จริง แต่ไม่ได้เกิดจากการกินปลาร้า

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นทันที

หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพถ่ายใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวรายหนึ่งที่มีเส้นนูนแดงคล้ายเส้นเลือดปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน โดยระบุว่าเป็นเส้นทางเดินของพยาธิ อันมีสาเหตุมาจากการรับประทานส้มตำปูปลาร้า ส่งผลให้เกิดกระแสตื่นตระหนกไปทั่วทั้งสังคม

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pairoch Vasanakomut ได้โพสต์ภาพถ่ายดังกล่าว พร้อมบรรยายข้อความว่า

“จากมุมปากขวา มีเส้นนี้เดินทางมาวันที่ 5 มาถึงใต้ขากรรไกรซ้ายดังภาพ นี่แหละเส้นทางเดินของพยาธิ ทานส้มตำปูปลาร้า ประมาณ 10 วัน ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะที่ยอมรับทั่วไปว่ารักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้หายขาด ยารักษาที่ใช้อยู่เป็นยาช่วยลดอาการบวมและคัน เช่น ยาจำพวกเพรดนิโซโลน (prednisolone) และไดเอทธิลคาบามาไซน์ (diethylcarbamazine) (hetrazan) ให้ทุเลาลง และยาที่ใช้รักษาที่อยู่ในปัจจุบันนี้คือ ยาอัลเบนดาโซล ( albendazole ) โดยให้ผู้ป่วยรับประทานขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วัน บางรายแพทย์สามารถทำการผ่าตัดเอาตัวออกมาได้ แต่ทั้งนี้ แล้วแต่ตำแหน่งของพยาธิที่พบ การผ่าเอาตัวแก่ออกจากอวัยวะที่เกิดอาการบวมแดง อาจพ่นด้วยยา เอทิล คลอไรด์ (ethyl chloride) ซึ่งจะ ทำให้พยาธิหยุดการเคลื่อนไหวช่วยให้ผ่าตัดง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีคนไข้บางคนที่พยาธินี้หลุดออกมาเองโดยไม่รู้ตัว เช่น หลุดออกจากเปลือกตา จากการไอหรือการขากสมหะ หลุดออกทางช่องปัสสาวะ หรือบริเวณผิวหนัง เป็นต้น หรือหายไปโดยไม่ทราบชัดแน่นอน โดยมากผู้ป่วยจะมีตัวอ่อนพยาธิตัวจี๊ดเพียงตัวเดียว ถ้าพยาธิออกมาแล้วก็มักหายจากโรคเลย (ยกเว้นกินพยาธิตัวอ่อนเข้าไปมากกว่าหนึ่งตัว) พยาธิแต่ละตัวจะมีชีวิตอยู่ในร่างกายคนได้นานนับสิบปี ดังนั้น ผู้ป่วยไม่ควรทำการรักษาด้วยตัวเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง มิฉะนั้น พยาธิอาจเดินทางไปอวัยวะสำคัญซึ่งจะทำให้เสียชีวิตได้”

ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รูปที่แชร์กันเป็นรอยพยาธิชอนไชผิวหนังจริง แต่ไม่น่ามาจากการกินปลาร้า ลักษณะที่เห็นดังกล่าวเป็นโรคพยาธิชอนไชผิวหนัง (cutaneous larva migrans) เกิดจากตัวอ่อนพยาธิปากขอหรือพยาธิเส้นด้ายจากสัตว์ เช่น แมว หมา แพะ ม้า ที่อยู่ในดิน มาไชเข้าไปในเท้าของคนที่เดินเท้าเปล่า แล้วชอนไชไปตามผิวหนัง จนเกิดผื่นเป็นเส้นนูนแดงคดเคี้ยวใต้ผิวหนังตามทางที่พยาธิไชผ่าน

ทั้งนี้คนที่โดนพยาธิชอนไชจะมีอาการคันมาก และอาจติดเชื้อแบคทีเรียได้ แต่จะไม่เจริญเป็นตัวแก่ในร่างกายคน และจะตายไปเอง หรือจนกว่าได้รับยาฆ่าพยาธิ ดังนั้น ข้อควรระวังคืออย่าไปเดินย่ำดินด้วยเท้าเปล่าในบริเวณที่อาจมีขี้หมาหรือขี้แมว ซึ่งอาจมีพยาธิปนเปื้อนอยู่

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ระบุว่า อาการดังกล่าว คือ โรคพยาธิชอนไชผิวหนัง (Cutaneous larva migrans) หรือโรคผิวหนังที่เกิดจากพยาธิตัวกลมระยะตัวอ่อน ส่วนมากเป็นพยาธิปากขอ หรือพยาธิเส้นด้ายของสัตว์ โดยพยาธิระยะตัวอ่อนจะไชไปตามผิวหนัง ชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดผื่น มีลักษณะเป็นเส้นนูนสีแดงคดเคี้ยวใต้ผิวหนังตามทางที่พยาธิไชผ่าน แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคน เพราะคนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พยาธิเจริญเติบโตได้และพยาธินั้นจะตายไปเอง สำหรับอาการแสดงทางผิวหนังนั้นจะเป็นอยู่นานจนกว่าพยาธิจะถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันหรือได้รับยาฆ่าพยาธิ ป้องกันได้โดย อย่าเดินเท้าเปล่า และไม่นำมือที่เปื้อนดินมาสัมผัสร่างกาย และไม่ได้ติดจากการกินส้มตำ

ภาพประกอบ เฟซบุ๊ก Pairoch Vasanakomut

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน