ปลาอำพราง ‘กลิ่น’ กลยุทธ์หนีผู้ล่า
ในโลกอาณาจักรสัตว์นั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีพฤติกรรมอันน่าอัศจรรย์และเหลือเชื่อมากมาย
โดย...วัชราภรณ์ สนทนา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ในโลกอาณาจักรสัตว์นั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีพฤติกรรมอันน่าอัศจรรย์และเหลือเชื่อมากมาย สัตว์หลายชนิดสามารถปรับลวดลายและสีสันบนเรือนร่างให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ได้อย่างแนบเนียน ชนิดที่ว่าสายตาอันแหลมคมของผู้ล่าก็มิอาจหาเจอได้ กลไกการหลบซ่อนผู้ล่าเช่นนี้เรียกว่า การพรางตัว
สำหรับสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดนักพรางตัว ได้แก่ แมลง เช่น ตั๊กแตนใบไม้ ตั๊กแตนกิ่งไม้ ที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนกับกิ่งไม้ ใบไม้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน หรือแม้แต่สัตว์ทะเลก็มีนักพรางตัวตัวยงหลายชนิด เช่น ปลากบ ที่มีรูปร่างหน้าตาและพฤติกรรมชอบกบดานจึงทำให้มีลักษณะเหมือนฟองน้ำทะเลอย่างมาก ขณะที่ปลาลิ้นหมาก็อาศัยลำตัวที่แบนราบ ประกอบกับลวดลายและสีสันที่ทำให้ตัวเองกลมกลืนกับเม็ดทรายที่เรียงรายบนพื้นทะเล
อย่างไรก็ตาม แม้การพรางตัวให้คล้ายคลึงกับธรรมชาติรอบตัวเช่นนี้ อาจช่วยซ่อนพวกมันจากสายตาของผู้ล่าได้ แต่อย่าลืมว่านักล่าเหยื่อไม่ได้ใช้เพียงการมองเห็นจากดวงตาเท่านั้น พวกมันยังใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆ เช่น “กลิ่น” ในการค้นหาเหยื่อด้วย แล้วสัตว์นักพรางตัวเหล่านี้จะพรางกลิ่นตัวจากผู้ล่าได้หรือไม่?
ล่าสุด ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์โดยราชสมาคมแห่งลอนดอน เผยว่า ปลาวัวจมูกยาว หรือ ปลาวัวจุดส้ม สามารถเปลี่ยนกลิ่นของตัวมันเพื่อซ่อนตัวจากผู้ล่าที่หิวกระหายได้ นับเป็นวิวัฒนาการที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับการโจมตีรูปแบบนี้โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ สัตว์สามารถใช้กลไกบางอย่างเพื่อปิดบังกลิ่น หรือทำให้กลิ่นตัวของมันลดลงได้ ซึ่งวิธีการทั้งคู่นี้อาจทำได้ด้วยการลดการผลิตกลิ่นของตัวมันเอง หรือเปลี่ยนกลิ่นของตัวเองให้เข้ากับกลิ่นของสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้น โดยทางหนึ่งที่เป็นไปได้คือ ผ่านทางอาหาร ด้วยการนำกลิ่นจากอาหารมาเป็นกลิ่นของตัวมัน คล้ายๆ กับมนุษย์ที่กินกระเทียมมากๆ จนตัวมีกลิ่นกระเทียม
กลยุทธ์อำพราง ‘กลิ่น’ ใต้น้ำ
ปลาวัวจมูกยาว หรือ ปลาวัวจุดส้ม เป็นปลาทะเลขนาดเล็กชนิดหนึ่ง มีรูปร่างค่อนข้างเรียวยาว ลักษณะเด่นคือ มีจะงอยปากยื่นยาวคล้ายหลอดหรือท่อ ขณะที่อาหารของปลาวัวจมูกยาว คือ ปะการัง โดยจะเลือกแทะกินปะการังบางชนิดเท่านั้น เช่น กินปะการังเขากวางเป็นหลัก ออกหากินในเวลากลางวัน และนอนหลับซ่อนตัวอยู่ตามกิ่งก้านของปะการังในเวลากลางคืน
เพื่อพิสูจน์ว่าปลาวัวจมูกยาวจะมีกลิ่นตัวเหมือนปะการังที่พวกมันกินหรือไม่ ทีมวิจัยได้เลือกปูที่อาศัยจำเพาะอยู่ในแนวปะการังชนิดหนึ่งมาทดสอบว่า ปูสามารถบอกความแตกต่างของกลิ่นปะการังกับปลาวัวจมูกยาวได้หรือไม่
ผลการศึกษาพบว่า ปูจำแนกความแตกต่างของปลาวัวจมูกยาวที่กินปะการังต่างชนิดเป็นอาหารได้ โดยมันจะสนใจปลาวัวจมูกยาวที่กินปะการังชนิดเดียวกับที่มันคุ้นเคยเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม แม้การมีกลิ่นตัวเหมือนปะการังดูจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หากพวกมันต้องจบลงด้วยการถูกกินเหมือนเช่นเคยก็คงไม่ดีแน่
ดังนั้น เพื่อทดสอบว่าการที่ปลาวัวจมูกยาวมีกลิ่นเหมือนปะการังจะช่วยลดความสามารถในการถูกโจมตีของผู้ล่าในบริเวณรอบๆ ที่อยู่อาศัยได้หรือไม่ ทีมวิจัยได้ทำการทดลองครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้ใช้ผู้ล่าที่ตัวใหญ่กว่านั่นคือ ปลาหินสีฟ้าลายจุด
ในการทดลอง ปลาหินสีฟ้าลายจุด ปลาวัวจมูกยาว และปะการัง ถูกใส่ลงไปในตู้กระจก โดยปลาวัวจมูกยาวจะพยายามซ่อนตัวจากปลาหินสีฟ้าลายจุด ทั้งนี้หากปลาวัวจมูกยาวที่ใส่ลงไป เป็นปลาที่ถูกให้ปะการังชนิดเดียวกับในตู้กระจกเป็นอาหาร ปลาหินสีฟ้าลายจุดจะคงอยู่นิ่งในโพรงของมันภายในตู้ปลา
กระนั้น เมื่อทีมวิจัยปล่อยปลาวัวจมูกยาวที่กินปะการังชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชนิดเดียวกับในตู้ปลาลงไป ปลาหินสีฟ้าลายจุดเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนได้กลิ่นอาหาร แสดงให้เห็นว่าการพรางกลิ่นให้เหมือนกับแหล่งที่อยู่อาศัยอาจเป็นวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงจากผู้ล่าที่ไม่พึงประสงค์ได้ในระยะเวลาหนึ่ง
ผลงานวิจัยชิ้นนี้เป็นหลักฐานชิ้นแรกเกี่ยวกับการใช้กลิ่นพรางตัวด้วยสารเคมีที่แปรเปลี่ยนมาจากอาหารของสัตว์อื่นๆ ที่ไม่ใช่แมลง ขั้นต่อไปคือการศึกษาลงลึกให้แน่ชัดว่าปลาวัวจมูกยาวสามารถมีกลิ่นเหมือนปะการังได้อย่างไร มีกระบวนการทางชีววิทยาอย่างไรถึงเป็นเช่นนั้นได้
ทั้งนี้ ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์มีความรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีในการพรางตัวในสัตว์น้อยมาก และจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นยุทธวิธีที่สำคัญในการเอาตัวรอดอยู่ไม่น้อย


