ยูเอ็นห่วงสารตั้งต้น14ชนิดถูกนำไปผลิตยาเสพติด

ยูเอ็น กังวลสถานการณ์สารตั้งต้น14ชนิดถูกนำไปผลิตยาเสพติด ขณะที่ 8 ประเทศตั้งหน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้น

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท กทม. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) แถลงข่าวผลการประชุมแนวทางความร่วมมือในการควบคุมสารตั้งต้นและเสริมสร้างมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาสารตั้งต้นระหว่างประเทศ  โดยในที่ประชุมประกอบด้วยผู้แทนจาก 8ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และไทย ต่างเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ หรือ Task Forceโดยเน้นการควบคุมสารตั้งต้นไม่ให้ถูกนำไปใช้ผลิตเป็นยาเสพติด ซึ่งจะทำงานเป็นเครือข่ายเพื่อวัตถุประสงค์เชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละประเทศทั้งในเรื่องสารเคมีตั้งต้นผลิตยาเสพติดและการบำบัดต่างๆ รวมทั้งจัดให้มีการตั้งจุดสกัดตรวจ หรือด่านตรวจชายแดน  ด่านศุลกากรเพื่อสกัดนำเข้าสารตั้งต้น

ขณะที่ทางองค์การสหประชาชาติ(UN)แสดงความกังวลต่อปัญหาสารตั้งต้นที่นำไปสกัดผลิตยาเสพติด ซึ่งทั่วโลกมีทั้งหมด14ชนิด โดยยูเอ็นขอให้แต่ละประเทศควบคุมเป็นพิเศษและมีมาตรการให้แต่ละประเทศออกกฎหมายควบคุมและเฝ้าระวังการส่งออก

นอกจากนี้ ประเทศที่เป็นสมาชิกยูเอ็นต้องส่งรายงานสถานการณ์ปัจจุบันสารตั้งต้นภายในประเทศรวมทั้งสารตั้งต้นที่พบใหม่ในประเทศด้วย สำหรับสารตั้งต้นดังกล่าวเป็นสารเคมีที่มีประโยชน์ใช้ในห้องปฏิบัติการ(LAB)อุตสาหกรรมยาและอุตสาหกรรมโรงงาน แต่กลับนำมาใช้ในทางที่ผิดสำหรับผลิตยาเสพติด  โดยUNตั้งข้อสังเกตว่าเอเชียเป็นพื้นที่ของศูนย์กลางสารตั้งต้นโดยเฉพาะสารซูโดอีเฟดรีน และประเทศหลักที่ผลิต ได้แก่ อินเดีย เกาหลี และจีน ซึ่งประเทศเหล่านี้ควบคุมเข้มงวดในขั้นตอนการผลิตแต่จะมีปัญหาขั้นตอนส่งออกจากโรงงานแล้ว จึงหารือกันว่าทั้ง 8ประเทศจะร่วมมือกันสกัดไม่ให้สารตั้งต้นไม่ให้เล็ดลอดไปถึงพม่าที่เป็นแหล่งผลิต พร้อมกันนี้ UNยังห่วงสถานการณ์การนำสารตั้งต้นไปสกัดผลิตเฮโรอีนมีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก

ที่ผ่านมา มีการทำลายแหล่งผลิตสารตั้งต้นได้จำนวน 10กว่าแห่งแล้วจากทั้งหมด89 แห่งทั่วโลก ซึ่งประเทศจีนพบว่าต้นมาฮวง ซึ่งขึ้นตามธรรมชาติในประเทศมีสารอีเฟดราที่สามารถสกัดสารอีเฟดรีนได้ ทั้งนี้ ประเทศจีนไม่ได้นิ่งนอนใจประกาศกฎหมายถือเป็นความผิดและได้สกัดจับสารตั้งต้นไปมากถึง 200 ตัน

อย่างไรก็ตาม สารตั้งต้นที่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยมี 2ชนิด คือ 1.สารซูโดอีเฟดรีน เป็นส่วนผสมในยาแก้หวัดที่กลุ่มนักค้ายาเสพติดเอามาสกัดเป็นยาบ้า  2.สารอะเซติก แอนไฮดรายด์ เป็นส่วนผสมของยาแอสไพริน แต่กลับเอามาสกัดเป็นเฮโรอีน

ทั้งนี้ ยาแก้หวัดของประเทศไทยจะมีสารซูโดอีเฟดรีนอยู่60มิลลิกรัมต่อเม็ด แต่ต้องมีใบสั่งยาซื้อจากสถานพยาบาล โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งยาจำนวน 15,000 เม็ด จะสกัดผลิตยาบ้าได้จำนวน 50,000 เม็ด ขณะที่อินเดียยาแก้หวัดมีสารซูโดอีเฟดรีนอยู่ 120 มิลลิกรัมต่อเม็ดและชาวบ้านซื้อจากร้านขายยาได้เอง

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า สารตั้งต้นประเภทซูโดอีเฟดรีน ที่เป็นส่วนผสมของยารักษาโรค ในที่ประชุมก็มีแนวคิดที่จะควบคุมส่วนผสมให้มีมาตรฐานที่เหมาะสมทางการแพทย์ เพื่อป้องกันมิให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวหน่วยงานทางการแพทย์ของแต่ละประเทศจะไปศึกษาความเหมาะสมอีกครั้ง  เนื่องจากเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ยาแล้วมีความยากในการตรวจสอบ รวมทั้งปัญหาการสำแดงเท็จในการขนย้ายที่อาจเล็ดลอด ซึ่งจะต้องหามาตรการปรับปรุงวิธีการสุ่มตรวจของด่านศุลกากรต่อไป