เบื้องหลังแกะรอยโจรผ่าน "ภาพสเกตช์คนร้าย"
"ภาพสเกตช์คนร้าย" แม้จะเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง แต่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถติดตามจับกุม
เรื่องและภาพ อินทรชัย พาณิชกุล
อาจจะดูเป็นงานศิลปะที่ไม่ค่อยงดงามดึงดูดใจ ทั้งยังน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเสียด้วยซ้ำ แต่ภาพสเกตช์ใบหน้าคนร้ายที่ปรากฎโฉมต่อสายตาสาธารณชนภาพแล้วภาพเล่า ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น สามารถสืบสวนขยายผลจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้คนแล้วคนเล่า
สืบจาก"ภาพสเกตช์"
รู้จัก "ภาพสเกตช์คนร้าย" ไหม ?
ทุกครั้งที่เกิดเหตุอาชญากรรมขึ้น ไม่ว่าจะฉกชิงวิ่งราว ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน แม้กระทั่งฆ่า! แล้วคนร้ายหลบหนีลอยนวล ผู้เสียหาย หรือพยานผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ จะถูกตำรวจเชิญมาสอบสวนให้ปากคำและสเกตช์ภาพรูปพรรณสัณฐานคนร้ายอย่างละเอียด ก่อนเผยแพร่ภาพนั้นออกสู่สาธารณชน เพื่อเป็นเบาะแสสำคัญในการช่วยติดตามจับกุมคนร้ายได้ง่ายขึ้น
แต่ไหนแต่ไรมา ภาพสเกตช์คนร้ายจะถูกวาดด้วยดินสอโดยผู้มีฝีไม้ลายมือเชิงศิลปะ เค้าโครงใบหน้าจะถูกเสริมเติมแต่งทีละน้อยตามคำบอกเล่าของผู้เสียหาย แต่ด้วยข้อจำกัดทั้งเรื่องเวลา การจดจำและอธิบายรูปพรรณสัณฐานคนร้ายที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก ต่อมาจึงได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องประกอบภาพใบหน้าคนร้ายโดยใช้เครื่องสไลด์ ด้วยการแยกชิ้นส่วนใบหน้าออกเป็น 7 ส่วนคือโครงหน้า ทรงผม คิ้ว ตา จมูกปาก และใบหู แล้วใช้เครื่องสไลด์ 7 เครื่องยิงขึ้นจอ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นระบบคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ที่ได้รับการพัฒนามาให้สเกตช์ภาพคนร้ายเหมือนอย่างทุกวันนี้
"ระบบสเกตช์ภาพคนร้ายที่เราใช้ทุกวันนี้ เรียกว่าระบบ 'ปิกัสโซ่' (PI'CASSO-Police Identikit : Computer Assisted Suspect Sketching Outfit) พัฒนาโดยพ.ต.อ. ชาตรี สุนทรศร และทีมงานกองทะเบียนประวัติอาชญากร ร่วมกับอาจารย์ประมินทร์ กลพิจิตร
ขั้นตอนการใช้ เริ่มจากการสร้างกรอบใบหน้า คือ โครงหน้า ทรงผมและใบหู หลังจากนั้นจึงเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆทีละส่วน ตั้งแต่ตา คิ้ว จมูก และปาก เจ้าหน้าที่วาดภาพจะต้องยกชิ้นส่วนของใบหน้าในมาตราส่วนเดียวกัน เพื่อประกอบเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์ด้วยส่วนประกอบทั้ง 7 ส่วน เป็นระบบการทำงานที่ง่ายและรวดเร็ว เจ้าหน้าที่สามารถเรียกข้อมูลจากฐานข้อมูลได้ทันที และปรับเปลี่ยนแต่และส่วนได้อย่างสะดวก รวมถึงการเพิ่มส่วนที่จำเป็น เช่น โหนกแก้ม รอยย่น หนวดเครา สุดท้ายภาพที่สมบูรณ์และได้รับการยืนยันจากผู้เสียหายหรือพยานว่าเหมือนคนร้ายมากที่สุดจะถูกพิมพ์และส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีเพื่อการติดตามหาผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป"
คำบอกเล่าของ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผู้กำกับฝ่ายทะเบียนประวัติอาญากร 2 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของฉายาตำรวจนักสเกตช์ภาพคนร้ายมือหนึ่ง
จุดมุ่งหมายของภาพสเกตช์คนร้ายคือ เป็นเบาะแสให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้เป็นประโยชน์ในการติดตามขยายผลจับกุม
"ภาพสเกตช์คนร้ายอาจจะไม่เหมือน 100 % แต่ก็สามารถช่วยจำกัดวงในการสืบสวนให้แคบลงได้ บางคดีที่ต้องการความช่วยเหลือจากประชาชน เช่น คดีที่คนร้ายซุ่มเก็บตัวเงียบ หรือเผ่นหนีออกไปไกลจากพื้นที่ ต้องอาศัยวิธีปูพรม ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา จะจำได้มากน้อยแค่ไหนก็ถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งนั้น"
เบื้องหลังคดีเด็ด
ภายในห้องทำงาน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กำลังนั่งสเกตช์ภาพด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สลับกับการซักถามข้อมูลรูปพรรณสัณฐานจากเจ้าทุกข์อย่างละเอียดและใส่ใจ เริ่มจากการไถ่ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะท่าทางของคนร้าย โครงหน้า ทรงผม ใบหู คิ้ว ตา จมูก ปาก ค่อยๆปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นใบหน้าสมบูรณ์ปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์
ภาพสเกตช์ 1 ภาพ จะใช้เวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมง 30 นาที ปัจจุบันกองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) จะเสกตช์ภาพคนร้ายถึงเดือนละ 1,000 ภาพ
"ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการซักถามรายละเอียด เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน อย่างไร รูปพรรณสัณฐาน ตำหนิของคนร้าย ถือว่ายากที่สุด เพราะต้องใช้จิตวิทยาสูง อุปสรรคอยู่ตรงที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่มีทักษะในการสังเกตและจดจำใบหน้าคนร้าย บางคนกำลังตกใจกลัว ไม่กล้าพูด บางคนจำได้แต่ไม่รู้จะอธิบายมาเป็นคำพูดยังไง เราก็ต้องใจเย็น และตั้งใจฟัง ที่สำคัญคือ ต้องรีบดึงข้อมูลจากผู้เสียหายออกมาให้มากที่สุด โดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยให้เวลาล่วงเลย หลายคนจะมีความจำเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมือนเดิม"
สังเกตและจดจำลักษณะรูปร่างหน้าตาของผู้คนให้เป็นนิสัย --- คำแนะนำของตำรวจนักสเกตช์ภาพคนร้ายมือหนึ่ง
"ต้องหัดระวังตัวและสังเกตในชีวิตประจำวัน นี่คือมาตรการที่จะป้องกันตัวเองได้ ถ้าเราไม่สังเกตอะไรเลย เราก็จะไม่รู้ว่าใกล้ตัวเราจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเราหัดสังเกตคน สังเกตสิ่งที่ผ่านมา มันจะเห็นสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะคนที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่สนใจอะไรรอบตัว หรือเวลานั่งรถแท็กซี่แล้วหลับ ถือว่าเสี่ยงอันตรายมากที่จะตกเป็นเหยื่อโจรมิจฉาชีพ"
ขณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ก็ใช่ว่าจะพึ่งพาได้ทุกครั้ง เนื่องจากบันทึกภาพได้ในระยะไกลเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจมักใช้เป็นเบาะแสในการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ร้าย ติดตามเส้นทางหลบหนี ภาพสเกตช์ภาพคนร้ายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลย
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ หยิบยกหลายคดีที่สามารถสืบสวนจับกุมคนร้ายได้จากภาพสเกตช์ใบหน้าคนร้ายที่เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ
ไม่ว่าคดีนักข่าวไทยโพสต์โดนทำร้ายชิงทรัพย์ ที่พนักงานรักษาความปลอดภัยสามารถจดจำรูปพรรณคนร้ายได้ในระยะ 8 เมตร ตอนตีสอง ทั้งที่สวมหมวกกันน็อกปิดอำพรางใบหน้า มีเพียงแสงไฟจากถนนเท่านั้น คดีน.ส.จิตรลดาที่ทีมสเกตช์วาดได้อย่างคล้ายคลึงกับผู้ต้องหาตัวจริยิ่ง จนนำไปสู่การจับกุมได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเฉพาะรูปร่างหน้าตา แต่เครื่องประดับ วัตถุต่างๆอย่างในคดีภาพสเกตช์คนร้ายที่้เป็นภาพคนสวมหมวกกันน็อก ซึ่งเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่เขายืนยันว่าลักษณะเด่นคือหมวกกันน็อคใบนี้มีรูปทรงแปลกไม่เคยเห็นมาก่อน อาจมีร้านจำหน่ายที่ขายอยู่ทราบข้อมูลแล้วแจ้งเบาะแสเข้ามาก็ได้
นอกจากการสเกตช์ภาพจะช่วยลากคอคนร้ายมาลงโทษแล้ว ยังถูกนำมาใช้ในการติดตามเด็กหายด้วย อย่างเช่นกรณีน้องเท็น-ด.ช.ชัยภาส ด่านเกื้อกูล อายุ 11 ปี และน้องลาภ-ด.ช.พงเพชร จีนสุกแสง อายุ 9 ปี ซึ่งหายตัวจากบ้านไปนานกว่า 8 ปีแล้ว แต่กองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ทำการสเกตช์ภาพเพิ่มอายุให้เด็กผู้สุญหายทั้งสองคน ผ่านการให้ข้อมูลของบุคคลในครอบครัวแล้วนำมาวิเคราะห์ชิ้นส่วนต่างๆบนใบหน้า ก่อนนำออกเผยแพร่ ถือได้ว่างเป็นอีกมิติใหม่ของแวดวงการสืบสวนตามหาบุคคลสูญหายได้อย่างน่าชื่นชม
จำหน้าคนร้ายให้ขึ้นใจ
ภาพสเกตช์คนร้ายจะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อผู้เสียหายสามารถจดจำลักษณะรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้มากที่สุด
ต่อไปนี้คือ หลักการสังเกตจดจำใบหน้าคนร้าย
* พยายามควบคุมอารมณ์และตั้งสติให้ดีเวลาที่ประสบเหตุ
* จดจำสิ่งที่สามารถจดจำได้ง่ายก่อน จุดเด่นผิดปกติ ตำหนิที่จำได้ง่าย เช่น เพศ- ชาย หญิง หรือกะเทย วัย-เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ แก่ รูปร่าง-สูง เตี้ย อ้วน ผอม ผิว-ขาว ขาวเหลือง ดํา ซีด เหี่ยวย่น เชื้อชาติ ไทย จีน ลูกครึ่ง แขก รูปหน้า-รูปไข่ กลม ยาว เหลี่ยม ทรงผม-สั้น หงอก หนา หยิก ตัดทรงอะไร หวีอย่างไร ปาก-กว้าง แคบ ใหญ่ ริมฝีปากหนา หู-กาง ใหญ่ เล็ก ติ่งหูแหลม เจาะหู ตา- เล็ก โต พอง โปน ตาชั้นเดียว สวมแว่นตา
* สิ่งที่เป็นจุดเด่นผิดปกติ ตําหนิที่จดจําได้ง่าย เช่น แผลเป็นบนใบหน้า ไฝ ปาน หูด รอยสักรูปอะไร สีอะไร อยู่ส่วนใดของร่างกาย ความพิการ ตาบอด หูหนวก ใบ้ แขนขาด้วน ลีบ สําเนียงการพูด พูดช้า พูดเร็ว ติดอ่าง สําเนียงเป็นคนอีสาน เหนือ ใต้ จีน ฝรั่ง พฤติกรรมที่ทําบ่อยๆ สูบบุหรี่จัด พูดเอามือปิดปาก เอามือล้วงกระเป๋า ท่าทางผอมแห้งเหมือนติดยาเสพติด การแต่งกาย ใส่เสื้อกางเกง รองเท้าลักษณะไหน สีใด เครื่องประดับที่เห็นได้ชัด เช่น แว่นตา นาฬิกา แหวน สร้อย กระเป๋าถือ
* กรณีที่คนร้ายพรางใบหน้า เช่น สวมแว่นตากันแดด สวมหมวกกันน็อค คลุมศีรษะด้วยถุง ให้พยายามจดจําสิ่งที่ใช้พรางและจดจําส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่มิได้พรางและจดจําได้ง่าย
* ยานพาหนะของคนร้าย เช่น ประเภทรถ-จักรยานยนต์ รถเก๋งส่วนบุคคล รถยนต์แท็กซี่สาธารณะ รถบรรทุก รถปิกอัพ รถสามล้อเครื่อง รถจี๊ป ยี่ห้อ สี รุ่นปีอะไร หมายเลขทะเบียน จังหวัด ตําหนิ เช่น กระจกแตก สีลอก รอยชน รอยบุบ ติดอุปกรณ์พิเศษต่างๆ สติกเกอร์ รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์
* เมื่อคนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว ให้รีบบันทึกลักษณะที่เห็นเอาไว้ให้มากที่สุด แล้วมอบรายละเอียดทั้งหมดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ


