posttoday

มนุษย์เงินเดือนใกล้สูญพันธุ์

08 กุมภาพันธ์ 2558

เด็กยุคใหม่เรียนจบแล้วมีงานทำจริง แต่ก็มักพร้อมเปลี่ยนอาชีพได้ในทันที ถ้าได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ดูจะมีปัญหาจากการส่งออกที่หดตัวลง ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่าย ทำให้การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง ส่งผลต่อการจ้างงานในภาพรวม

บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย บริษัทจัดหาแรงงานรายใหญ่ ระบุว่า การจ้างงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2557 บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ไม่ขยาย อัตรารับพนักงานใหม่ จะรับแทนพนักงานที่ลาออก หรือลาออกก็ไม่ให้รับเพิ่ม

ทำให้แรงงานเรียนจบปริญญาตรีปีละ 3 แสนคน แต่ตลาดมีความต้องการเพียง 1.5 แสนคน  ส่งผลให้แรงงานระดับปริญญาตรีว่างงานปีละกว่า 1.5 แสนคน ระดับอาชีวะก็จบปีละ 3 แสนคน ตลาดแรงงานต้องการ 1.8 แสนคน เข้าสู่ตลาด 9 หมื่นคน ขณะที่อีก 2.1 แสนคน เรียนต่อสายสามัญ

นั่นเป็นภาพกว้างของภาวะเศรษฐกิจ แต่หากเจาะลงในทางลึกจะพบว่า บริษัทห้างร้านทั้งหลายต่างปวดหัวกับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากพนักงานลาออกบ่อย โดยเฉพาะแรงงานที่มีอายุน้อยหรือเด็กที่เรียนจบใหม่มีอัตราการเปลี่ยนงานถี่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงงานจบใหม่บางส่วนมีทักษะไม่ตรงตามความต้องการของตลาด และส่วนใหญ่จะส่ายหน้ากับคุณภาพและความรับผิดชอบของแรงงานวัยรุ่น

ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ธนาคารพาณิชย์อย่างน้อย 2 แห่ง คือ ธนาคารธนชาต ธนาคารเกียรตินาคิน ได้ประกาศรับพนักงานเพิ่ม เนื่องจากขยายงานและทดแทนพนักงานที่ลาออก

ผู้บริหารของธนาคารแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ในอดีตการทำงานในธนาคารจะได้รับความนิยมจากนักศึกษาจบใหม่ แต่ปัจจุบันบางตำแหน่งหาพนักงานยาก มีอัตราการเปลี่ยนงานสูงคือตำแหน่งเทลเลอร์ พนักงานรับฝากถอนเงินที่เคาน์เตอร์ธนาคาร เนื่องจากได้ผลตอบแทนต่ำ ในขณะที่มีความเสี่ยงในการทำงานสูงหากคำนวณเงินผิดพลาด จ่ายเงินเกิน หรือรับเงินขาด ก็ต้องรับผิดชอบควักเงินชดใช้เอง

นอกจากนี้ คุณภาพของพนักงานก็แย่ลง ฝ่ายตรวจสอบการบริหารความเสี่ยงของทุกธนาคารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในสมาคมธนาคารไทย พบว่าเกิดความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของพนักงานสูงขึ้นกว่าในอดีตมาก เช่น การคีย์ข้อมูลผิด ไม่มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น สร้างความเสียหายให้กับธนาคารทั้งระบบเป็นเงินปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท

ทุกธนาคารจะมีโปรแกรมการเทรนนิ่ง อบรมเสริมความรู้และทักษะการปฏิบัติงานให้พนักงานเสมอ แต่เมื่อถูกหัวหน้างานตำหนิหรือถูกลงโทษเมื่อทำผิดวินัยก็มักจะลาออก ไม่อดทนที่จะเรียนรู้ ทำให้ต้องรับพนักงานใหม่ทดแทนเป็นระยะ

แม้แต่ในธุรกิจจัดหางานก็ประสบปัญหาการจัดหาแรงงานป้อนไปตามหน่วยงานและองค์กรเอกชนต่างๆ อยู่ไม่น้อย จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ และความต้องการบุคลากรของแต่ละองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธุรกิจจัดหาแรงงานก็ปั่นป่วนด้วยเหมือนกัน

นพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า โครงสร้างประชากรของไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นสังคมผู้สูงอายุ เริ่มมีคนสูงอายุมากขึ้น ขณะที่วัยทำงานน้อยลง ทำให้มีแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยลงไปด้วย และยิ่งน้อยลงไปอีกเมื่อค่านิยมของคนรุ่นใหม่ หรือคนในเจเนอเรชั่นวาย ซึ่งอายุประมาณ 18-35 ปี มีแนวคิดและพฤติกรรมในการเรียนและทำงานที่ต่างไปจากคนรุ่นก่อนๆ คือ เน้นเรียนให้ได้ปริญญาบัตรมาโดยไม่สนใจว่าจะต้องมีความรู้เฉพาะทาง หรือเข้าใจในสิ่งที่เรียนหรือไม่ ขอเน้นให้ได้คะแนนสอบดีๆ ก็พอ

เมื่อเรียนจบปริญญาตรีหลายคนก็เรียนต่อปริญญาโทเลย ไม่ได้ทำงานก่อน ทำให้แรงงานหายไปจากตลาด ที่สำคัญบางคนแม้กระทั่งเรียนจบปริญญาโทแล้วก็เพิ่งมาพบว่าตัวเองไม่ได้ชอบในสาขาที่เรียน ก็ไม่ได้เลือกทำงานในสิ่งที่เรียนมา

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคนอีกกลุ่มที่มีค่านิยมรวยทางลัด สะท้อนให้เห็นจากร้านขายหนังสือทุกวันนี้ที่มีหนังสือแนะนำช่องทางรวยทางลัดออกมาเอาใจกันเต็มไปหมด มีทั้งมุ่งรวยด้วยการเล่นหุ้น หรือการไปทำธุรกิจส่วนตัวเอง ซึ่งบางครั้งทำถูกทางก็รวยเร็ว แต่บางคนก็เป็นการไปทำธุรกิจแบบฉาบฉวย เพราะมีความต้องการแค่ไม่อยากทำงานหนัก ขอใช้ชีวิตสบายๆ จึงมักเลือกไปเปิดร้านกาแฟนั่งเล่นชิลๆ กันเต็มไปหมด

เมื่อค่านิยมและโครงสร้างประชากรเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้แรงงานใหม่เข้ามาสู่ตลาดน้อยลง ทำให้บริษัทต่างๆ เหนื่อยกับการหาคนเข้าทำงานมากขึ้น บางบริษัทใช้วิธีเข้าไปร่วมมือกับสถาบันการศึกษา มีโครงการทวิภาคีให้เรียนไปด้วยแล้วมาฝึกงานที่บริษัท แล้วเมื่อเรียนจบก็จะได้คนกลุ่มนี้มาทำงานเลย

บางบริษัทก็ต้องพยายามประชาสัมพันธ์ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น จะเห็นได้จากวิธีการประชาสัมพันธ์ของหลายบริษัทในปัจจุบันที่ไม่ได้เน้นเพื่อขายสินค้าของบริษัทอย่างเดียว แต่เน้นให้คนรู้จักในแบรนด์บริษัทจะได้หาคนทำงานง่ายขึ้น

ขณะที่การหาแรงงานจากต่างประเทศเข้ามาทดแทนก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่หากบริษัทต่างๆ เลือกได้ก็ยังคงต้องการแรงงานคนไทยอยู่ เพราะวัฒนธรรมองค์กรไทยอาจไม่เหมาะกับแรงงานต่างชาติ และลูกค้าของบริษัทก็เป็นคนไทย หากใช้คนไทยทำงานติดต่อด้วยจะเหมาะมากกว่า

“ปัจจุบันงานระดับล่างที่เป็นงานเสี่ยงอันตราย หรืองานที่อาจต้องสกปรก เลอะเทอะ ใช้แรงงานต่างด้าวอยู่แล้ว เพราะคนไทยไม่ชอบทำงานแบบนี้แล้ว แต่แรงงานระดับฝีมือคนไทยยังทำได้ดี บริษัทยังต้องการแรงงานไทยอยู่ เพราะการพึ่งแรงงานต่างประเทศยังมีอุปสรรคหลายอย่าง จากกระบวนการจ้างพนักงานต่างชาติมาทำงานต้องขออนุญาตซับซ้อน หลายขั้นตอน และแรงงานต่างชาติก็ไม่เข้าใจในวัฒนธรรมของไทยก็เป็นอุปสรรคต่อการทำงานด้วยเช่นกัน”นพวรรณ กล่าว

นอกจากนี้ ยอมรับว่า คุณสมบัติพนักงานที่บริษัทต่างๆ ต้องการ ก็ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้หาคนทำงานยาก เพราะยุคนี้บริษัทต้องการคนที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางในตำแหน่งงานมากขึ้น หรือไม่ก็มีคุณสมบัติที่ทำงานได้หลายอย่างในคนคนเดียว ที่สำคัญคุณสมบัติด้านความสามารถไอทีและภาษาอังกฤษก็เป็นคุณสมบัติจำเป็นมากที่บริษัทเรียกร้อง แต่คนไทยแม้จะเรียนภาษาอังกฤษมาก็จริง กลับไม่ได้เน้นเรื่องการสื่อสารหรือการเขียน จึงทำให้หาคนที่มีคุณสมบัติตรงครบถ้วนความต้องการทั้งหมดยากขึ้นไปอีก สามารถบอกได้ชัดเจนเลยว่า การหาคนทำงานในยุคนี้ยากขึ้นจริงๆ

นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โลกยุคใหม่ เยาวชนโตมาท่ามกลางการสื่อสารโดยเทคโนโลยี ทั้งยังมีปัจจัยทำให้เด็กมีความเป็นตัวของตัวเองสูงขึ้น โดยไม่ต้องเข้าสังคมจึงทำให้เด็กรุ่นใหม่มีปัญหาในการเข้ากับสังคม ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก

“เด็กกลุ่มนี้เมื่อเรียนจบแล้วมีงานทำจริง แต่ก็มักพร้อมเปลี่ยนอาชีพได้ในทันที ถ้าได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยคิดว่าไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องความสัมพันธ์กับองค์กรแบบที่คนยุคก่อนยึดถือ”แพทย์ด้านเด็กกล่าว

มนุษย์เงินเดือนใกล้สูญพันธุ์ ชานน

ฝันของ YoungGen

คนรุ่นใหม่หรือเรียกกันติดปากว่า Young Gen มีความฝันอันสูงสุดที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจและชีวิตอย่างรวดเร็ว ด้วยทุนทางความรู้และเทคโนโลยีในยุคที่พวกเขาเติบโตมา โดยไม่คิดทำงานในองค์กรใหญ่ดังเช่นความฝันของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ในขณะที่องค์กรใหญ่ไม่รอรับสมัครคนทำงานอีกต่อไป แต่สร้างแรงจูงใจให้คนเหล่านี้ผูกพันกับองค์กรในระยะยาว

นิก หรือ ชานน รุ่งเรืองไพฑูรย์ นักลงทุนเทคนิค เป็นลูกค้าวีไอพีของห้องค้าบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วัย 26 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ชั่วโมงบินสูง ด้วยวัยยังไม่ถึง 30 ปี แต่ความเคี่ยวกรำในการใช้ชีวิตนั้นเทียบได้กับคนในวัยกว่า 30 ปี ที่เติบโตมาตามวัย

เขาใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กตะวันตก ทำงานตั้งแต่เรียน ล้มเหลวตั้งแต่เรียนไม่จบ เมื่อจบออกมาก็เริ่มต้นทำธุรกิจตามความฝันและประสบความสำเร็จ แต่ไม่อาจหยุดยั้งฝันที่จะร่ำรวยของนิกได้

นิกกระโดดเข้ามาเรียนรู้การลงทุนและกลายมาเป็นนักลงทุนมืออาชีพ พร้อมกับการเป็นวิทยากรให้ความรู้พร้อมออกหนังสือขาย

เขาเป็นไอดอลของเด็กในยุคนี้ โดยไม่ต้องกระโจนเข้าไปทำงานในองค์กรใหญ่เพื่อที่จะมีการงานที่มั่นคง แต่โอกาสร่ำรวยน้อย ตามแบบฉบับของรุ่นพ่อรุ่นแม่ แล้วองค์กรใหญ่ของไทยระดับสากลปรับตัวอย่างไรเพื่อรองรับวัยทำงานในยุคนี้

ในวัยเพียงเท่านี้ นิกประสบความสำเร็จเป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟ Nikko Cafe ร้านกาแฟแนวใหม่สไตล์ญี่ปุ่น ย่านเอกมัย 12 ที่เปิดขายมาประมาณ 2 ปี ขายกาแฟเดือนละหลักล้าน ที่ร่วมกับเพื่อนๆ สมัยมัธยมเลือกทำเลที่พวกเขาชอบไปแฮงเอาต์ ตกแต่งร้านตามสไตล์ที่ชอบ ลงทุนไปหลายล้านบาท

นิก เล่าว่า เป็นนักลงทุนระยะสั้นใช้จังหวะในการทำกำไร ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นรวยเป็นเศรษฐี แต่คิดว่าเอาตัวรอดได้ในวิชาชีพนี้ มีรายได้ที่ดีพอ ครอบครัวล้มละลายจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ต้องขวนขวายมาเป็นนักจัดรายการวิทยุตั้งแต่เรียนมัธยมปีที่ 6

“เพื่อนยังเดินเที่ยวสยามหลังเลิกเรียน แต่ผมต้องทดลองจัดรายการ อัดเทปไปให้คลื่นวิทยุฟังเป็นเวลา 3 เดือน กว่าจะได้จัดรายการ ตั้งแต่เรียน ม.6 จนถึงปี 1 ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยได้เงินเดือนเกือบหมื่นบาท”

ในมุมมองของเขา คนที่ไม่อยากทำงานประจำมีสองเหตุผล คือ ขี้เบื่อ หรือเจอเจ้านายขี้งก ทำงานแล้วผลตอบแทนจากหน้าที่การงานไม่สามารถทำให้กินอิ่มและนอนหลับ ชีวิตลำบาก ก็ต้องลาออก ได้ผลตอบแทนไม่เท่าความสามารถที่เขามี ถูกนายจ้างเอาเปรียบ ในขณะที่นายจ้างอาจจะมีทางเลือกเยอะ

มนุษย์เงินเดือนใกล้สูญพันธุ์ รสนันท์

ทุกองค์กรต้องการมนุษย์ทองคำ

รสนันท์ จันเกษม ผู้จัดการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ บริษัทธุรกิจทูน่ากระป๋องชั้นนำของโลก กล่าวว่า เด็กสมัยนี้เข้าถึงเทคโนโลยี พ่อแม่มีการศึกษา สนับสนุนให้เรียน ทำให้เก่ง เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เด็กมีความชำนาญเฉพาะด้านมากขึ้นเข้าถึงแหล่งสมัครงานได้อย่างรวดเร็วผ่านทางไลน์ เฮด ฮันเตอร์ สามารถเข้าถึงเด็กได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกรอกใบสมัคร แต่ความยืดหยุ่นและความอดทนจะสู้คนวัยเจนเอ็กซ์ไม่ได้ บริษัทชอบเด็กเก่งและอยากเก็บเขาไว้ และเชื่อว่าสามารถนำมุมมองมาเติมเต็มเขาได้ แต่คุณสมบัติของคนรุ่นใหม่ที่บริษัทต้องการนั้นค่อนข้างหายาก ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้

1.ต้องเป็นคนที่พร้อมจะเรียนรู้ นอกจากจะเก่งแล้วต้องพร้อมที่จะรับฟังคนอื่นด้วย

2.ให้เกียรติผู้ร่วมงานและลูกน้อง

3.มีความสามารถทำงานเป็นทีม

4.มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน โดยสามารถทำงานร่วมทีมกับคนอื่นได้

5.มีภาวะความเป็นผู้นำ คือมีทักษะในการสื่อสาร

6.มีความรู้ภาษาอังกฤษดี

7.มีความสามารถในการปรับตัว ทั้งจากหน้าที่การงาน สิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องทนรับสถานการณ์ที่คลุมเครือได้

8.ต้องทำงานข้ามวัฒนธรรมได้

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ คิดว่าควรมีโครงการสร้างผู้นำหรือผู้บริหารรุ่นใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยเริ่มตั้งแต่ให้ฝึกขูดปลาในโรงงาน เพื่อให้เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง เพราะธีรพงศ์ก็เติบโตมาแบบนั้นนานนับสิบปีกว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กร

โครงการดังกล่าวเริ่มจริงจังตั้งแต่ปี 2556 โดยได้เปิดรับนักศึกษาปริญญาโททั้งในและต่างประเทศ เข้าฝึกงาน 2-5 ปี โดยสองปีแรกจะให้เรียนรู้งานทุกอย่างในไทย และสามปีที่เหลือต้องไปเรียนรู้ในบริษัทลูกที่ต่างประเทศ และกลับมาเป็นผู้บริหารที่สำนักงานใหญ่

“แต่ละขั้นตอนของการทำงานจะมีผู้บริหารดูแลอย่างใกล้ชิด มีประชุม ให้คำแนะนำเสมือนพี่เลี้ยงตลอดเวลา โดยผู้บริหารตั้งแต่ผู้นำองค์กรสูงสุด คุณธีรพงศ์ลงมาทำให้น้องๆ ผูกพันกับองค์กรและเรียนรู้ทุกเรื่องที่ควรรู้”

ปัจจุบัน รุ่นแรก 5 คนที่ผ่านด่านคัดเลือกจากที่เข้ามาสมัคร 240 กว่าคนเข้ามาฝึกงานกับบริษัทฝึกงานในประเทศจบแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทำโครงการเพื่อไปปฏิบัติงานจริงที่ต่างประเทศ ซึ่งจะส่งไปทำงานที่อังกฤษ สหรัฐ และฝรั่งเศส ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัท

“เด็กที่ผ่านการคัดเลือกมาฝึกงานกับเราจะได้เงินเดือนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาฝึก โดยไม่มีเงื่อนไขว่าเมื่อฝึกแล้วจะต้องเข้ามาทำงานกับบริษัท แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ก็มีบางคนที่ฝึกเสร็จแล้วที่บ้านอยากให้เรียนต่อ”

ดังนั้น โครงการสร้างผู้นำรุ่นที่ 2 ที่เปิดรับสมัครจนถึงเดือน มี.ค.นี้ และต้องเริ่มงานวันที่ 1 มิ.ย. 2558 กำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมว่าต้องมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 3 ปี และเน้นคนที่จบด้านการตลาด จากรุ่นแรกเน้นด้านซัพพลายเชน ซึ่งมีคนสนใจยื่นสมัครมาแล้วทุกเชื้อชาติ

นับเป็นองค์กรใหญ่ที่สร้างทางเลือกให้ตัวเอง ที่สร้างผู้นำของตัวเองขึ้นมาเพื่อรองรับกิจการที่เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน

คนรุ่นใหม่จึงมาถึงทางสองแพร่งว่าจะเลือกโตด้วยตัวเองแบบล้มลุกคลุกคลานเพื่อค้นพบตัวเอง หรือเดินตามความฝัน
ขององค์กรใหญ่ยุคใหม่ ที่สร้างผู้นำในฝันให้องค์กรตัวเอง

มนุษย์เงินเดือนใกล้สูญพันธุ์ สุริยเดว

ต่างเจน ต่างใจ

นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล แจกแจงการเปลี่ยนแปลงของพลโลกในปัจจุบัน ทำให้มีการให้คำจำกัดความคนแต่ละรุ่นที่บ่งบอกบุคลิกภาพและนิสัยใจคอได้อย่างชัดเจนว่า

ยุคเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer)

กลุ่มเบบี้บูม หรือที่เรียกกันว่า เจนบี ซึ่งหมายถึงคนรุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ประชากรหลังสงครามของแต่ละประเทศก้มหน้าเร่งฟื้นฟูประเทศให้กลับมาเข้มแข็ง แต่ขาดกำลังคน คนในยุคนี้จึงมีค่านิยมที่จะต้องมีลูกหลายๆ คน เพื่อสร้างแรงงานขึ้นมาพัฒนาประเทศชาติ คนในยุคนี้อยู่กันอย่างลำบาก จึงอดทนกับความลำบากได้ดี มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา มีความอดทนสูง ทุ่มเทให้กับการทำงานและองค์กรมาก เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี

เจเนอเรชั่น เอ็กซ์ (Generation X)

หลังจากยุคเบบี้บูมเมอร์ ปัญหาที่ตามมาก็คือ จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น แต่ทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกมีจำกัด เกิดเป็นยุค “เจเนอเรชั่น เอ็กซ์” (Generation X) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เจนเอ็กซ์” คนยุคนี้จะเกิดอยู่ในช่วงปี 2508-2522 เกิดมาพร้อมในยุคที่โลกมั่งคั่งแล้ว ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เติบโตมากับการพัฒนาเทคโนโลยีหลายด้าน ปัจจุบันเป็นคนวัยทำงาน มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปแล้ว เป็นรุ่นที่ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว ทำงานแบบรู้ทุกอย่างทำทุกสิ่งได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร เป็นตัวของตัวเองสูง อยากเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงทางสังคม

เจเนอเรชั่น วาย (Generation Y)

เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่อยู่รอบตัวเราก็เปลี่ยนไปอีก มาสู่ยุคที่เทคโนโลยียิ่งอำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก จนพลเมืองของโลกมีคุณลักษณะเปลี่ยนไปอีกครั้ง สู่ยุคของ เจเนอเรชั่น วาย (Generation Y) ที่พร้อมจะก่อหนี้ผูกพันง่ายขึ้น รักความสบายมากขึ้น ไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงเหมือนคนยุคก่อน

เจเนอเรชั่น ซี (Generation Z)

จนกระทั่งถึงยุคของเจเนอเรชั่น ซี (Generation Z) หรือเจนซี ซึ่งเป็นคำนิยามล่าสุดของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน หมายถึงคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 ขึ้นไป เทียบ อายุแล้วก็คือวัยของเด็กๆ นั่นเอง เด็กๆ กลุ่มเจนซีนี้จะเติบโตมาโดยได้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นเทคโนโลยีที่สั่งงานง่าย เด็กรุ่นนี้ได้รับการเลี้ยงดูจากคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ของตัวเอง

เด็กรุ่นนี้มีสิ่งที่คนรุ่นก่อนหน้านี้ไม่มี นั่นคือสังคมกลางอากาศ ซึ่งเป็นโลกไร้พรมแดน ค้นหาสิ่งต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ได้จนทำให้มีความเป็นปัจเจกหรือความเป็นตัวของตัวเองมาก จนพวกเขาไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับคนอื่นแบบพบมีตัวตนสัมผัสได้ แต่สื่อสารผ่านออนไลน์ที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาสถานที่ จนเกิดคำใหม่ ที่เรียกว่า นาโนเซกเกิลคัลเจอร์ หรือวัฒนธรรมที่เกิดผ่านกระแสที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วพริบตา

เจนเนอเรชั่น อัลฟา (Generation Alfa)

นพ.สุริยเดว ระบุว่า ปัจจุบันนักวิชาการด้านเด็กทั่วโลก นิยามไปถึงประชากรในอนาคต นั่นคือ เด็กที่เรียกว่า “เจนอัลฟา” เด็กกลุ่มนี้คือกลุ่มที่กำลังเรียนชั้นอนุบาลอยู่กับเทคโนโลยีมากกว่าบ้าน วัด โรงเรียน ไม่เหมือนเด็กสมัยก่อน จึงมีปัญหาเรื่องปฏิสัมพันธ์ทั้งพ่อแม่และชุมชน มีปัญหาทักษะการสื่อสาร ที่ทำให้เป็นเด็กไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักความเอื้ออาทร และถูกโลกโซเชียลมีเดียสร้างปัญหาให้กับชีวิตได้

เด็กรุ่นนี้หากไม่ได้รับการพัฒนาอะไรเลย เขาจะอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้นและอยู่ได้เสียด้วย ความผูกพันกับองค์กรและถิ่นฐานเดิมไม่มี ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ประเทศไทยก็ได้ รากเหง้าวัฒนธรรมตัวเองอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำไป ทักษะการสื่อสารก็ไม่มี กลายเป็นโลกแห่งดิจิทัลเทคโนโลยีหมด อาการน่าเป็นห่วงอย่างรุนแรง เพราะพวกเขาจะโตมาโดยใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียวในการดำรงชีวิต นี่เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ของทุกประเทศกำลังจะเผชิญในอนาคต

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”