posttoday

ดาวพฤหัสบดี

01 กุมภาพันธ์ 2558

ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะเห็นดาวเคราะห์สว่างโดดเด่นที่สุดสองดวงอยู่บนท้องฟ้า

ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะเห็นดาวเคราะห์สว่างโดดเด่นที่สุดสองดวงอยู่บนท้องฟ้า ดวงหนึ่งอยู่เหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันตก นั่นคือดาวศุกร์ หรือที่เราเรียกว่าดาวประจำเมือง อีกดวงหนึ่งอยู่เหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก นั่นคือดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ตกลับขอบฟ้าตั้งแต่ประมาณ 2 ทุ่ม ส่วนดาวพฤหัสบดีจะอยู่บนท้องฟ้าต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน มองเห็นได้จนถึงเช้ามืดของวันใหม่

สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดีส่องสว่างที่สุดและอยู่ใกล้โลกที่สุดในรอบปี เนื่องจากดาวพฤหัสบดีทำมุม 180 องศากับดวงอาทิตย์ จึงเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า หากเราสามารถออกไปยืนดูระบบสุริยะในอวกาศไกลออกไป จะเห็นดวงอาทิตย์ โลก และดาวพฤหัสบดี เรียงกันเป็นเส้นตรง ตามลำดับ

เมื่อดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดาวพฤหัสบดีจะปรากฏในกล้องโทรทรรศน์เป็นดวงโตที่สุด สามารถมองเห็นรายละเอียดบนผิวดาวได้ดีที่สุด พื้นผิวที่เห็นคือบรรยากาศที่ห่อหุ้มอยู่รอบดาวพฤหัสบดี นักดาราศาสตร์คาดว่าดาวพฤหัสบดีมีแก่นเป็นหินแข็งอยู่ภายใน แต่ปริมาตรส่วนใหญ่ยังคงเป็นบรรยากาศอันหนาทึบ ซึ่งมีองค์ประกอบส่วนมากเป็นไฮโดรเจน รองลงมาคือฮีเลียม

ดาวพฤหัสบดีหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วโดยหมุนครบรอบภายในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง จึงมีสัณฐานเป็นทรงกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวผ่านศูนย์สูตรกว้างกว่าในแนวผ่านขั้ว หรือเป็นทรงรีเมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ สิ่งที่สังเกตได้ชัดเมื่อดูด้วยกล้องขนาดใหญ่กำลังขยายสูงคือแถบเมฆคล้ำหลายแถบที่พาดในแนวขนานกับเส้นศูนย์สูตร มีพายุขนาดใหญ่ที่เรียกว่าจุดแดงใหญ่  (Great Red Spot) เป็นเอกลักษณ์

ขณะนี้ดาวพฤหัสบดีปรากฏอยู่ในทิศทางสู่กลุ่มดาวสิงโต ค่อนไปทางด้านที่ติดกับกลุ่มดาวปู วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์แคบกว่าของดาวพฤหัสบดี โลกเคลื่อนที่เร็วกว่า โลกจึงกำลังวิ่งแซงดาวพฤหัสบดี ด้วยมุมมองที่สัมพัทธ์กัน ทำให้เราเห็นดาวพฤหัสบดีเคลื่อนที่ถอยหลังเมื่อเทียบกับดาวฤกษ์และกลุ่มดาวพื้นหลัง สัปดาห์นี้ดาวพฤหัสบดีจะเคลื่อนออกจากกลุ่มดาวสิงโต ถอยไปยังกลุ่มดาวปู เดือน เม.ย. ดาวพฤหัสบดีจึงจะกลับมาเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเข้าสู่กลุ่มดาวสิงโตอีกครั้งในเดือน มิ.ย. 2558

ขณะใกล้โลกที่สุด ซึ่งปีนี้เกิดขึ้นในวันที่ 6 ก.พ. ดาวพฤหัสบดีจะอยู่ห่างโลกออกไปประมาณ 650 ล้านกิโลเมตร ซึ่งนับเป็นระยะทางที่ไกลมากหากเทียบกับระยะทางบนโลก หากสมมติว่ามีถนนที่ทอดยาวออกไปไกลถึงดาวพฤหัสบดี รถที่แล่นด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะต้องใช้เวลาเดินทางนานถึงกว่า 600 ปี หรือหากเดินทางด้วยยานอวกาศที่นำนักบินอวกาศบนยานอะพอลโลไปดวงจันทร์ ก็ต้องใช้เวลานานถึงเกือบ 2 ปี

สิ่งเดียวที่เคลื่อนที่ระหว่างโลกถึงดาวพฤหัสบดีได้เร็วที่สุดคือแสง แสงมีความเร็วประมาณ 300,000 กิโลเมตร/วินาที ด้วยระยะทางราว 650 ล้านกิโลเมตร แสงใช้เวลาเดินทางนาน 36 นาที ดาวพฤหัสบดีที่เราเห็นบนท้องฟ้าในขณะหนึ่งจึงเป็นดาวพฤหัสบดีเมื่อ 36 นาทีที่แล้ว

ดาวพฤหัสบดี

 

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แห่งระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่และมวลมากที่สุด ใหญ่กว่าโลก 11 เท่า และมีมวลเกือบ 318 เท่าของมวลโลก ดาวพฤหัสบดีมีดวงจันทร์บริวารที่ยืนยันแล้วจำนวน 50 ดวง และที่ค้นพบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอีก 17 ดวง รวมเป็น 67 ดวง

ดาวบริวารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสี่ดวง ได้แก่ ไอโอ ยูโรปาแกนีมีด และคัลลิสโต เรียกว่าดาวบริวารกาลิเลโอ เนื่องจากกาลิเลโอเป็นคนแรกที่บันทึกการสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ดาวบริวารกาลิเลโอล้วนสว่างจนสามารถเห็นได้ง่ายในกล้องโทรทรรศน์ หากไม่มีดาวพฤหัสบดีส่องแสงอยู่ใกล้ๆ ความสว่างของดาวบริวารทั้งสี่อยู่ในระดับที่ตาเปล่าของเราจะมองเห็นได้ด้วยซ้ำไป

ปลายปี 2557 เป็นต้นมา ดาวบริวารกาลิเลโอซึ่งมีระนาบวงโคจรใกล้เคียงกัน และอยู่ในแนวศูนย์สูตรของดาวพฤหัสบดี กำลังทำมุมอยู่ในแนวสายตาเมื่อมองจากโลก และอยู่ในแนวเดียวกับทิศทางไปยังดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ดาวบริวารทั้งสี่บดบังกันเอง หรือเงาของดาวบริวารดวงหนึ่งทอดยาวไปตกที่ดาวบริวารอีกดวงหนึ่ง นักดาราศาสตร์อาศัยโอกาสนี้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการคำนวณตำแหน่งดาวบริวารให้แม่นยำขึ้น

หลังจากผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ เราจะเห็นดาวพฤหัสบดีเคลื่อนสูงขึ้นเมื่อเทียบตำแหน่งในเวลาหัวค่ำของทุกวัน ต้นเดือน พ.ค. 2558 ดาวพฤหัสบดีจะอยู่สูงเหนือศีรษะในเวลาหัวค่ำ จากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปทางทิศตะวันตก ดาวพฤหัสบดีอยู่เคียงข้างดาวศุกร์ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค. แล้วเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นจนหายไปในแสงจ้าของดวงอาทิตย์ในเดือน ส.ค. 2558

จูโนเป็นยานอวกาศลำเดียวที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังดาวพฤหัสบดี ตามกำหนดการจะถึงดาวพฤหัสบดีในเดือน ก.ค. 2559 และเป็นยานอวกาศลำที่สองที่จะเข้าสู่วงโคจรรอบดาวเคราะห์ยักษ์ดวงนี้ ตามหลังยานกาลิเลโอที่สิ้นสุดภารกิจด้วยการพุ่งเข้าไปในบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีเมื่อเดือน ก.ย. 2546

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (1–8 ก.พ.)

ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์สว่างสามดวงที่เห็นได้ในเวลาหัวค่ำ ดาวศุกร์และดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำทางทิศตะวันตก ส่วนดาวพฤหัสบดีอยู่บริเวณระหว่างกลุ่มดาวสิงโตกับกลุ่มดาวปูทางทิศตะวันออก ดาวศุกร์สว่างที่สุด เริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงโพล้เพล้ ดาวอังคารอยู่สูงกว่า มีความสว่างน้อยกว่าดาวศุกร์หลายเท่า ดาวศุกร์ตกลับขอบฟ้าราว 2 ทุ่ม ดาวอังคารตกช้ากว่าราวครึ่งชั่วโมง

สัปดาห์นี้เป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และใกล้โลกที่สุดในรอบปี ขึ้นเหนือขอบฟ้าในเวลาใกล้เคียงกับเวลาดวงอาทิตย์ตก อยู่สูงเหนือศีรษะในเวลาเที่ยงคืน และตกลับขอบฟ้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวแมงป่อง เริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ประมาณตี 2 ถึงตี 2 ครึ่ง ทางทิศตะวันออก ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ สังเกตเห็นได้จนท้องฟ้าสว่าง

ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างขึ้น ดวงจันทร์มีส่วนสว่างมากกว่าครึ่งดวง พื้นที่ด้านสว่างบนดวงจันทร์เพิ่มขึ้นทุกวันจนเพ็ญเต็มดวงในเช้ามืดวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งวันนั้นจะเห็นดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีทั้งในเวลาเช้ามืดและหัวค่ำ

ค่ำวันอาทิตย์ที่ 1 ก.พ. สถานีอวกาศนานาชาติผ่านเหนือประเทศไทย มองเห็นเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้า กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 19.03 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นถึงจุดสูงสุดเหนือศีรษะในเวลา 19.06 น. แล้วเคลื่อนต่ำลงจนเข้าสู่เงามืดของโลกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 19.08 น. ที่มุมเงย 15  องศา

ข่าวล่าสุด

คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ