posttoday

สหรัฐกับคิวบา

25 ธันวาคม 2557

วันนี้เป็นวันคริสต์มาส เป็นตรุษของฝรั่ง ผมจึงขอพูดเฉพาะเรื่องที่เป็นฝรั่งๆ ไม่มีเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองของไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง และที่น่ายินดีเป็นพิเศษคือพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันทรงมีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย

วันนี้เป็นวันคริสต์มาส เป็นตรุษของฝรั่ง ผมจึงขอพูดเฉพาะเรื่องที่เป็นฝรั่งๆ ไม่มีเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองของไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง และที่น่ายินดีเป็นพิเศษคือพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันทรงมีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย

มองผิวเผินเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบาไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นมวยคนละรุ่น สหรัฐเป็นถึงระดับซูเปอร์เฮฟวีเวต ในขณะที่คิวบาเป็นได้แค่ฟลายเวต แต่ก็เป็นฟลายเวตที่สามารถสร้างความเจ็บๆ คันๆ และความหงุดหงิดให้กับเฮฟวีเวตมาได้หลายสิบปีโดยไม่ถูกน็อกคาเวที ทำให้การกลับมาสวมกอดกันกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบาขาดสะบั้นมากว่า 50 ปีแล้ว นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติในคิวบาในปี ค.ศ. 1959 และ ฟิเดล คาสโตร ขึ้นครองอำนาจ หลังจากนั้นอีก 3 ปี คาสโตรก็อนุญาตให้สหภาพโซเวียตขนขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้ามาติดตั้งในคิวบา จนสหรัฐต้องยื่นคำขาดแบบตายเป็นตายให้ขนกลับไป

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โลกใบนี้เสี่ยงกับการเกิดสงครามนิวเคลียร์ โชคดีที่สหภาพโซเวียตยอมถอยรัฐบาลคิวบาภายใต้การนำของคาสโตรเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นแบบสังคมนิยม และเดินหน้าเข้าควบคุมกิจการของบริษัทต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอเมริกัน

สหรัฐตอบโต้ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ตั้งแต่การสั่งห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับคิวบา ไปจนถึงการพยายามลอบสังหาร
คาสโตร

คาสโตรอยู่ในอำนาจเป็นเวลานานเกือบ 50 ปี ตลอดเวลาเขาทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เขาได้ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลาเป็นคู่หู

ก่อนยุคสมัยของคาสโตร สหรัฐเคยมีอิทธิพลในคิวบาสูงมาก จนมีคำกล่าวว่า ทูตสหรัฐมีอำนาจบารมีเป็นอันดับ 2 ของคิวบารองจากประธานาธิบดี และในบางเรื่องมีความสำคัญมากกว่าตัวประธานาธิบดี
เสียอีก

ผมเห็นข่าวนักวิเคราะห์บางคนที่หมั่นไส้สหรัฐเป็นทุนอยู่แล้ว วิจารณ์ว่าการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้ สหรัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และเป็นการแสดงความอยากได้ทรัพยากรของคิวบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งน้ำมันใต้ทะเล

อยากจะบอกว่า ความเป็นจริงตรงกันข้ามกับเสียงวิจารณ์ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง แหล่งน้ำมันใต้ทะเลของคิวบาที่สำรวจพบยังมีไม่มาก ความพยายามในอดีตของคิวบาเองและของบริษัทจากประเทศอื่นอีกบางประเทศไม่เป็นผล ปัจจุบันคิวบาผลิตน้ำมันจากทั่วประเทศได้เพียงวันละ 5 แสนบาร์เรล ซึ่งไม่พอใช้ ต้องพึ่งพาเวเนซุเอลาให้ช่วยอีกวันละ 1 แสนบาร์เรล

การพัฒนาเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของคิวบาก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ช่องว่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่ของชาวคิวบากับชาวอเมริกันต่างกันราวฟ้ากับดิน ซึ่งในโลกยุคการสื่อสารแบบไร้สายเป็นที่รับรู้ของชาวคิวบามากขึ้นเป็นลำดับ

ด้านการเมือง คิวบาผ่านยุคสมัยของการเผชิญหน้ากับสหรัฐมาหลายปีแล้ว คาสโตรแก่ตัวลง และในที่สุดอำนาจก็เปลี่ยนถ่ายไปอยู่ในมือของน้องชาย คือ ราอูล คาสโตร ส่วนคู่หูคือชาเวซก็ถูกมะเร็งคร่าชีวิตไปแล้ว

ในด้านเศรษฐกิจ การรื้อฟื้นความสัมพันธ์น่าจะมีผลกับสหรัฐน้อยมาก ส่วนคิวบามีความหวังที่จะได้ทั้งเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันที่ก้าวหน้ากว่าของสหรัฐ ได้การลงทุนจากสหรัฐและประเทศตะวันตกอื่นๆ รวมทั้งเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยวที่น่าจะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ

แน่นอนว่าคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ของสหรัฐ ซึ่งก็คือประธานาธิบดี บารัก โอบามา ไม่ได้ทำไปเพราะความมีจิตใจงดงามต้องการช่วยเหลือคิวบา แต่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองและของประเทศชาติ

ขอพูดถึงระดับโลกก่อนนะครับ สหรัฐไม่ได้สูญเสียอะไรจากการต่อสายสัมพันธ์กับคิวบา เพราะคิวบาในยุคของคาสโตรผู้น้องได้ลดความแข็งกร้าวลงไปมาก และอยากยกระดับการพัฒนาของตัวเองเต็มทน เพราะที่ผ่านมาแค่จะพึ่งตัวเองก็ทำไม่ได้เต็มที่ ส่วนเวเนซุเอลากับรัสเซียที่ได้อาศัยพึ่งพา ปัจจุบันก็อยู่ในฐานะลำบาก เหมือนเตี้ยอุ้มค่อม

สำหรับสหรัฐ การดึงคิวบาออกมาจากอ้อมอกของรัสเซียมาซบตัวเองแทน ในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก นอกจากจะได้แผ่อิทธิพลแล้ว ยังเป็นการโดดเดี่ยวรัสเซียมากขึ้นไปพร้อมกันการยกระดับความสัมพันธ์กับคิวบาเป็นสิ่งที่หลายประเทศในองค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้สหรัฐทำมาหลายปีแล้ว และในครั้งนี้พระสันตะปาปาได้ทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาเป็นตัวเชื่อมด้วยพระองค์เอง ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาสวยงามไร้ที่ติ

กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้สหรัฐมีแต่ได้กับได้ ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแทบจะมองไม่เห็นหันมาดูการเมืองภายในสหรัฐเองบ้าง ที่ผ่านมาการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบามีอุปสรรคอยู่หลายเรื่อง เช่น ความต้องการให้คิวบาเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจกลับมาเป็นทุนนิยมตามเดิม การตั้งเงื่อนไขเรื่องสิทธิมนุษยชนภายในคิวบา ตลอดจนเรื่องการชดเชยความเสียหายจากทรัพย์สินที่ถูกรัฐบาลคิวบายึดในอดีต

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนทั่วไปความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับคิวบาได้ลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ จนปัจจุบันเสียงส่วนใหญ่อยากเห็นสหรัฐกับคิวบามีความสัมพันธ์
อันดีต่อกัน

ตัวโอบามาเองเพิ่งนำทัพพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งกลางเทอม และพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ต้องสูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ซึ่งทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่ารัฐบาลโอบามาเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ทำเรื่องสำคัญไม่ได้ รอวันที่จะมีประธานาธิบดีที่มีอำนาจเต็มในอีก 2 ปีข้างหน้า

การประกาศรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบา จึงถือเป็นความพยายามในการพลิกสถานการณ์ทางการเมืองที่ชาญฉลาด เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของสังคมอเมริกันแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ว่าโอบามาไม่ได้ไร้น้ำยาอย่างที่หลายคนคิด แต่ยังมีอำนาจบารมีเต็มตัว หากเสียงข้างมากในทั้งสองสภาจะรวมหัวกันต่อต้าน ก็อาจต้องยอมเสี่ยงกับการสูญเสียคะแนนนิยม

โอบามาไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว ส่วนตัวผมต้องขอชมเชยว่าการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบาเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เฉียบคม และในที่สุดอาจกลายเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดตลอด 8 ปีของการเป็นประธานาธิบดีก็เป็นได้

แมรี่คริสต์มาสกันถ้วนหน้านะครับ

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2