posttoday

ทบทวน...บทเรียน 10 ปี ‘สึนามิ’

25 ธันวาคม 2557

ช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ครบ 10 ปีแล้วที่คลื่นยักษ์สึนามิโถมใส่ชายฝั่งอันดามันของไทย

ช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ครบ 10 ปีแล้วที่คลื่นยักษ์สึนามิโถมใส่ชายฝั่งอันดามันของไทย ใช่เพียงผู้เสียชีวิตทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยกว่า 6,000 คน บ้านเรือน เรือประมง ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินต้องเสียหายอีกมหาศาล 10 ปีหลังเหตุการณ์การฟื้นฟูแม้จะเป็นรูปธรรม แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ยังฝังแน่นในความทรงจำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

24 ธ.ค. 2557 ที่อนุสรณ์สถานสึนามิบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พื้นที่ซึ่งคลื่นยักษ์ส่งผลกระทบอันหนักหน่วงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ  ได้มีการจัดงานรำลึก 10 ปีสึนามิ “บทเรียนภัยพิบัติ สู่การปฏิรูปนโยบาย” เวทีเสวนา “เรื่องเล่า เล่าเรื่อง สึนามิ” โดยผู้ร่วมเวทีประกอบด้วยผู้ประสบภัยและอาสาสมัครทั้งชาวไทยและต่างชาติ ใช่เพียงแค่การย้อนรำลึกเหตุการณ์ ทว่ายังมีการทบทวนเพื่อก้าวเดินต่อไปข้างหน้า หลังคลื่นยักษ์ผ่านไป แต่ปัญหาผลกระทบต่อเนื่องยังเสมือนคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ผู้คนชายฝั่งอันดามันอย่างไม่หยุดยั้ง

สุวดี สุขเกษม ชาวบ้านน้ำเค็มซึ่งสูญเสียลูกชายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอไม่สามารถคว้าแขนบุตรชายอันเป็นที่รักไว้ได้ทันก่อนคลื่นยักษ์จะซัดพาแก้วตาดวงใจสูญหายไปต่อหน้าต่อตา บอกว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้นได้เลย แต่ชาวบ้านที่ประสบภัยก็พยายามช่วยกันเอง นั่งปรับทุกข์กันเองเพื่อให้มีชีวิตอยู่กันต่อไปได้ ทุกวันนี้ที่อยู่มาได้เพราะความสามัคคีของชุมชนบ้านน้ำเค็ม แม้ไม่มีเงินก็ยังมีข้าวกิน

“ถามว่ากลัวไหม มาถึงวันนี้คงไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เราเคยท้อแต่ไม่ถอย เพราะมีคนข้างหลังที่ยังต้องคอยดูแล แม้สภาพจิตใจของเรายัง 50:50 แต่ครอบครัวเป็นพื้นฐานที่ดี พวกเราที่เคยโดนสึนามิมาแล้ว ไม่มีใครใจเต็มร้อยหรอก และยาก็รักษาไม่ได้ เราต้องรักษาตัวเองด้วยการสู้” สุวดี กล่าว

เตี๋ยน หาญทะเล ชาวมอแกนชุมชนทับตะวัน อ.ตะกั่วป่า บอกว่า หลังคลื่นยักษ์สงบลง ได้แต่เดินตามหาแม่ แม้แต่ศพก็ยังไม่พบ เดินหาศพจนท้อ แต่ยังต้องมีชีวิตเพื่อให้กำลังใจสำหรับคนที่ยังอยู่ ซึ่งต่อมาได้มีทหารมาช่วยปรับพื้นที่เพื่อสร้างบ้านที่ถูกคลื่นยักษ์พัดหายไปทั้งหลัง แต่ปรากฏว่ามีนายทุนมาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินและไม่ยอมให้ทหารทำงานต่อ

“ตอนไม่เกิดสึนามิไม่เห็นมีใครมาอ้างกรรมสิทธิ์เลย แต่พอสึนามิมากลับอ้างความเป็นเจ้าของ ผมอยู่บนที่ดินผืนนี้มา 20 ปี สุดท้ายอีก 6 ปีต่อมาเราถึงได้บ้านเป็นของตัวเองเพราะแบ่งที่ดินกับนายทุนได้” เตี๋ยน กล่าว

ขณะที่ แอนดี้ ชาร์คคา นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษซึ่งสูญเสียภรรยาไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่วนเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บ หลังกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดกว่าครึ่งปีก็ตัดสินใจกลับมายังเขาหลักอีกครั้ง เพราะการที่รอดชีวิตมาได้นั้น เขาได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี

“การตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง ซึ่งถือว่าถูกต้องมากเพราะทำให้ผมได้เห็นถึงความเข้มแข็งของชาวบ้าน ซึ่งมันทำให้ผมเข้มแข็งไปด้วย” แอนดี้ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอแนะนั้น อยากให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวและการซ้อมแผนหนีภัยอยู่เสมอ ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น แต่ตัวชาวบ้านเองต้องเตรียมพร้อม” แอนดี้ กล่าว

ด้าน จำนงค์ จิตรนิรัตน์ อาสาสมัครจากมูลนิธิชุมชนไท ซึ่งเกาะติดงานช่วยเหลือและฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนผู้ประสบภัยมาโดยตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มองว่าหลังจากความช่วยเหลือในระยะแรก ต้องให้ผู้ประสบภัยได้จัดระบบและดูแลกันเอง แต่ที่ยากแก่การจัดการคือปัญหาหนักที่ตามมาหลัง
คลื่นยักษ์

“เรื่องที่หนักสำหรับสึนามิที่เป็นปัญหามากกว่าที่อื่นคือเรื่องที่ดิน สึนามิเหมือนมาเปิดปัญหาที่หมักหมมมานาน เช่นเดียวกับชาวเลที่เมื่อก่อนไม่มีใครรู้จักสักเท่าไหร่ แต่พอเกิดสึนามิทำให้รู้จักชาวเล โดยชาวบ้านพยายามเข้าไปอยู่ในพื้นที่แบบเดิม”

10 ปีผ่านไปน้ำตาอาจเหือดแห้ง แต่มรสุมปัญหาของผู้คนชายฝั่งอันดามันยังไม่หยุดหย่อน

หมายเหตุ : เรียบเรียงจากข้อมูลของสำนักข่าวชายขอบ http://transbordernews.in.thฃ

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์