ชาวบ้านร้องผญบ.ไม่ยอมให้สร้างโบสถ์

ศรีสะเกษ-ชาวบ้านร้องวัดไม่ยอมให้สร้างโบสถ์ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านแจงสัญญาก่อสร้างไม่น่าเชื่อถือ

นางสมถวิล หุ่นเนตร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 11 บ้านทุ่ม ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ และน.ส.กนกพร ปาฬี อายุ 52 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ถูกผู้นำและชาวบ้านหมู่บ้านเดียวกันอีกกลุ่มหนึ่ง ขัดขวางคัดค้านการก่อสร้างอุโบสถวัดบ้านทุ่มที่ได้ผ่านการประชาคมหมู่บ้านตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว และได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์จนงานเสร็จสิ้นผ่านพ้นไปด้วยดี ต่อมาได้ถูกกลุ่มคนในหมู่บ้านคัดค้านให้ยุติการก่อสร้าง จึงก่อให้เกิดความแตกแยกเป็นสองฝ่ายขึ้นภายในชุมชน

นายนิคม สุนันท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านทุ่ม กล่าวว่า ได้ทำประชาคมหมู่บ้านเรื่องขอสร้างอุโบสถวัดบ้านทุ่ม จริง และที่ประชุมก็ได้มีมติให้ก่อสร้างได้ แต่เมื่อหลังจากพิธีวางศิลาฤกษ์เสร็จแล้ว น.ส.กนกพร ได้นำหนังสือสัญญาจ้างของผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ เข้ามาขอเบิกเงินจากคณะกรรมการ จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ ของราคาค่าก่อสร้าง เพื่อนำไปให้ช่างผู้รับเหมา ตนจึงเห็นว่าก่อนหน้านี้ น.ส.กนกพร เคยยืนยันกับชาวบ้านแล้วว่าจะไม่ใช้เงินของวัดในการก่อสร้าง อีกทั้งหนังสือสัญญาจ้างก็ไม่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นการกระทำเพียงฝ่ายเดียว และไม่มีแบบแปลนพิมพ์เขียวมาแสดงให้ชาวบ้านดู จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการและชาวบ้านลงมติให้ยุติการก่อสร้างชั่วคราวไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบ

ด้าน น.ส.กนกพร กล่าวว่า ตนเป็นคนกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร มีลูกสาวเป็นสถาปนิก ขณะนี้ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ มีความเชื่อและศัทธามาก อยากทำบุญสร้างวัดด้วยเหตุที่ได้ฝันเห็นเจ้าแม่ตะเคียนทองจมอยู่ในนำบริเวณห้วยท้ายหมู่บ้าน และได้เดินทางมาบอกเล่าและนำชาวบ้านลงไปงมดู ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นตอไม้ขนาดใหญ่ของต้นตะเคียน ทุกคนจึงรู้สึกแปลกและตกตะลึงพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารย์ไปต่างๆนานา ต่อมาได้นำชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงินส่วนตัวเพื่อก่อสร้างอุโบสถ ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่รวมถึงผู้นำชุมชน จึงได้มีการร่วมแรงร่วมใจกันทำประชาคมหมู่บ้าน และที่ประชุมมีมติให้ก่อสร้างอุโบสถได้ และได้มีการทำพิธีวางศิลาฤกษ์

พร้อมทั้งได้ขอเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ ในชื่อบัญชี “กองทุนสร้างอุโบสถวัดบ้านทุ่ม” บัญชีเลขที่ 326-0-39126-6 ซึ่งมีคณะกรรมการเป็นเจ้าของบัญชีร่วมกัน 5 คน ประกอบด้วยชาวบ้าน รวมถึงพระอธิการเข็ม ฐิตญาโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่ม ร่วมอยู่ด้วย เพื่อรับบริจาคจากผู้ศัทธาทั่วไป โดยไม่ขอเป็นคณะกรรมการฝ่ายใด ส่วนแบบแปลนพิมพ์เขียวนั้นตนได้นำมาให้ผู้นำชุมชน/หมู่บ้านดูแล้วแต่ไม่มีใครสนใจดูจึงรู้สึกน้อยใจเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ตนและชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันร้องทุกข์ผ่านสื่อเพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว.