posttoday

เส้นทาง...ส่วยน้ำมันเถื่อน

30 พฤศจิกายน 2557

ผ่าอาณาจักรน้ำมันเถื่อน อภิมหาขุมทรัพย์สีกากี ที่นับเป็นภัยแทรกซ้อนกัดกร่อนเศรษฐกิจ-ความมั่นคงมานานหลายปี

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

นับเป็นเรื่องราวสะเทือนวงการตำรวจไทย เมื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) และพวก ตกเป็นนักโทษ ร้ายแรงหลายข้อหา โดยหนึ่งในข้อหาที่ถูก จับตาเป็นพิเศษ คือการเรียกรับส่วยจากขบวนการค้า “น้ำมันเถื่อน” ที่กัดกร่อนทำลายความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจมานาน

ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาแถลงเปิดเผยเอกสารบัญชีจ่ายส่วยขบวนการน้ำมันเถื่อนของ “เสี่ยโจ้” ที่พบว่าเชื่อมโยงไปถึงคนมีสีหลายหน่วยงาน ทั้งระดับ ผู้บังคับการ ผู้กำกับ ไปจนถึงดีเอสไอ

“ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นภัยแทรกซ้อน และสนับสนุนทางการเงินให้กับขบวนการ ก่อความไม่สงบ” นั่นคือข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐออกมาแฉขบวนการบ่อนทำลายจากการหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ พลเรือน เข้ามาข้องเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล

แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมศุลกากร เปิดเผยกับทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ ว่า เครือข่าย “เสี่ยโจ้” เป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และเป็นรายใหญ่ที่สุดที่ทำธุรกิจมืดนี้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ประมาณ 3 ลำ และมีเรือบาร์จ (เรือขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายสินค้า และมีเรือที่ใช้ขนน้ำมันเป็นการเฉพาะ) จะค้าส่งน้ำมันในทะเลเพียงอย่างเดียว ไม่ขนน้ำมันขึ้นมาขาย แต่จะส่งไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะขณะนี้เสี่ยโจ้ทำการค้าน้ำมันเถื่อนอยู่ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันค่อนข้างสูง อีกทั้งยังพบว่าได้ซื้อบ้านพักไว้อาศัยที่เวียดนามด้วย

เปิดขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ภาคใต้

“เสี่ยโจ้” คือนายทุนใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดในทะเลภาคใต้ ผู้ประกอบการรายอื่นจะรู้จัก “เสี่ยโจ้” เป็นอย่างดีหากต้องการน้ำมันตามออร์เดอร์ แต่หากเรือของเสี่ยโจ้ไม่เพียงพอขายให้ ก็จะประสานกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายอื่นๆ ในทะเลให้ช่วยจัดส่งจัดหามาเติมเต็มตามปริมาณที่ต้องการ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ทางทะเลสะพัดไปด้วยน้ำมันเถื่อนที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามามีส่วนรู้เห็นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มขบวนการอื่นอีกที่ทำการค้าน้ำมันเถื่อนในทะเล ประกอบด้วย “เจ๊ปุก” ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์จะมีเรือบาร์จหรือเรือขนาดใหญ่จอดซื้อขายน้ำมันอยู่กลางทะเลลึก ด้วยราคาส่วนต่างที่แตกต่างกันหลักบาท ทำให้กลุ่มนี้กล้าเสี่ยงทำธุรกิจเถื่อนกลางทะเล อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ เนื่องจากมีการจ่ายเงินให้กับผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ทำให้การค้าการขายโล่งสบาย ไม่มีใครมาขัดขวาง เช่นเดียวกับ “เจ๊โอ” ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ จะมีวิธีการค้าน้ำมันเถื่อนเหมือนกับ “เจ๊ปุก” คนปากน้ำบ้านเดียวกัน

แหล่งข่าวระดับสูงคนเดิมอธิบายขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนต่อว่า ยังมีกลุ่มของ “บังหวาด” หรือ “บังฝาด” อยู่ใน จ.สงขลา ค้าขายน้ำมันเถื่อนตามริมแนวชายฝั่งทะเลและกลางทะเลลึก ตั้งแต่ช่วง จ.สงขลา ถึงนครศรีธรรมราช มีเรือค้าน้ำมันเถื่อนขนาดใหญ่ประมาณ 2 ลำจอดในทะเล

“ก้อง” คน จ.เพชรบุรี รายนี้เน้นขายน้ำมันเถื่อนส่งประเทศเพื่อนบ้านเพียงอย่างเดียว และตอนนี้ประเทศเวียดนามและกัมพูชากำลังได้รับความนิยมอย่างมากเพราะราคาดี ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเบนเข็มเรือมุ่งไปยังประเทศเหล่านี้ บวกกับการปราบปรามในประเทศไทยอย่างเข้มงวด

“แจ๊ค” เป็นเด็กหนุ่มหน้าใหม่เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นนักค้าน้ำมันเถื่อนได้ไม่นาน วิธีการค้าน้ำมันจะขายเฉพาะในพื้นที่ตามริมชายฝั่งเท่านั้น ถือเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงที่วงการค้าน้ำมันเถื่อนจับตามอง ด้วยความเป็นลูกชายของลูกนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.จันทบุรี ถูกอุ้มชูหนุนหลังการทำผิด ส่งผลให้ธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนเติบโตและสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล

“ตี้เล็ก” ชาวสิงคโปร์ถือเป็นขาใหญ่ในขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่กลางทะเล ครอบคลุมอาณาเขตหลายประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ทุกคนในวงการค้าน้ำมันเถื่อนรู้จัก “ตี้เล็ก” อย่างดี

แหล่งข่าวจากกรมศุลกากรคนเดิมบอกปิดท้ายว่า การค้าน้ำมันเถื่อนจะรอดจากการจับกุมได้มี 4 แบบ คือ 1.จ่ายส่วยให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่โดยตรง 2.หากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนไม่จ่ายเงินจะมีเรือไปกวนตลอดเวลาไปขวางการค้าไว้ 3.จอดขายน้ำมันริมชายฝั่งจะไม่ขึ้นบก ระวังเจ้าหน้าที่จับ และ 4.เรียกส่วยหรือผลประโยชน์บนบกนอกเหนือจากทางน้ำ

แฉ...เส้นทางลำเลียงน้ำมัน

ข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง พบว่าการทำงานของเรือบรรทุกน้ำมันในเครือข่ายนี้จะมีเรือขนาดใหญ่ หรือเรือบาร์จเดินทางไปรับน้ำมันที่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน นอกน่านน้ำไทย โดยแหล่งที่มาของน้ำมันมี 2-3 แหล่ง คือ ซื้อน้ำมันราคาถูกจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และซื้อจากเรือของแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติที่ลักลอบนำมาขาย

ทั้งนี้ การรับ-ส่งน้ำมันแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 7 แสน-2 ล้านลิตร เคลื่อนย้ายเข้ามาในอ่าวไทย โดยจะจอดเรือใหญ่บริเวณรอยต่อน่านน้ำไทยกับน่านน้ำสากล เพื่อถ่ายน้ำมันลงเรือเล็ก ซึ่งเครือข่ายผู้ค้ามีเรือประมงดัดแปลงสำหรับบรรทุกน้ำมันโดยเฉพาะไปรับน้ำมัน และมีรถบรรทุกคอยรับช่วงต่อตามชายฝั่งเพื่อขนส่งทางบกไปยังเป้าหมายต่างๆ

เรือประมงดัดแปลงที่ว่านี้ บรรทุกน้ำมันได้ลำละ 3 หมื่น-2 แสนลิตร โดยจะคอยรับถ่ายน้ำมันจากเรือใหญ่บริเวณรอยต่อน่านน้ำ เพื่อนำไปส่งตามจุดนัดหมายบริเวณชายฝั่ง ตั้งแต่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ยาวไปจนถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งเรือประมงดัดแปลงนอกจากทำหน้าที่รับน้ำมันจากเรือบาร์จแล้ว ยังมีหน้าที่ลำเลียงเงินสดส่งไปยังเรือใหญ่ หรือเรือบาร์จด้วย เพื่อใช้ในการซื้อขายน้ำมัน

"กองทัพสัตว์" ขนน้ำมันเถื่อน

นอกจาก “กองทัพมด” ที่คอยทำหน้าที่ลักลอบขนน้ำมันมาบรรจุขวดวางขายตามร้านทั่วไปหรือขายตามสวนยาง หรือขายให้สำหรับกลุ่มพวกขี่รถจักรยานยนต์แล้ว ยังมี “กองทัพหนู” ทำในลักษณะดัดแปลงรถกระบะตีเป็นถังใหม่แล้วใช้อะลูมิเนียมคลุมทับ ส่งขายตามปั๊มน้ำมันในพื้นที่

“กองทัพม้า” เป็นขบวนการใช้รถสิบล้อและ 6 ล้อ หรือรถขนาดใหญ่ลำเลียงขนน้ำมันไปขายให้กับพวกเรือประมงและปั๊มน้ำมัน

“กองทัพช้าง” จะใช้เรือขนาดใหญ่บรรจุขายน้ำมันเถื่อนกลางทะเล โดยจะส่งให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนามและกัมพูชา