เปิดร่างพรบ.ภาษีมรดก
เปิดรายละเอียด ร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. ... มีทั้งสิ้น 38 มาตรา
โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. ... มีทั้งสิ้น 38 มาตรา มีสาระสำคัญหลัก ได้แก่ มาตรา 3 ที่กำหนดว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่ใช้บังคับใน 2 กรณี ได้แก่ 1.มรดกที่เจ้ามรดกตายก่อน พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ และ 2.มรดกที่คู่สมรสของเจ้ามรดกได้รับจากเจ้ามรดก
และหมวด 2 ว่าด้วยการเสียภาษีมรดก มาตรา 11 ระบุว่า บุคคลผู้ได้รับมรดกที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี คือ บุคคลที่มีสัญชาติไทย หรือเป็นบุคคลที่มิได้มี สัญชาติไทย แต่มีภูมิลำเนาหรือสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันถึงวันที่มีสิทธิได้รับมรดก หรือเป็นบุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทย แต่ได้รับมรดกอันเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย
โดยมูลค่าการรับมรดกที่ต้องเสียภาษีจะเป็นเฉพาะมรดกในส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 12 วรรคหนึ่ง ระบุว่า “ผู้ได้รับภาษีมรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว ถ้าแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ต้องเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท” มาตรา 12 วรรคสอง “มูลค่ามรดกตามวรรคหนึ่ง หมายถึงมูลค่าของทรัพย์สินทั้งสิ้นที่ได้รับเป็นมรดกหักด้วยภาระหนี้สินอันตกทอดจากการรับมรดกนั้น”
อย่างไรก็ตาม มรดกที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี มีการระบุในมาตรา 13 คือ กรณีผู้รับมรดกเป็นบุคคลที่เจ้าของมรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้มรดกนั้นเพื่อประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์ เป็นต้น
สำหรับมรดกที่ต้องเสียภาษี จะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี เช่น กรณีเป็นผู้มีสัญญาติไทย หรือผู้ที่มิได้มีสัญชาติไทยแต่มีภูมิลำเนาหรือสำนักงานในไทยติดต่อกัน 3 ปี มรดกอันเป็นทรัพย์สิน หมายถึงทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยและนอกประเทศไทย ส่วนมรดกที่เป็น “สังหาริมทรัพย์” และอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเข้าข่ายเป็นมรดกที่ต้องเสียภาษีนั้นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ในส่วนการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นมรดกนั้น มาตรา 15 ระบุว่า กรณีเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้ถือเอาตามราคาประเมินทุนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีที่เป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ “หุ้นจดทะเบียน” ให้ถือเอาราคาของหลักทรัพย์ในวันที่ได้รับมรดก ส่วนกรณีอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
เมื่อคำนวณมูลค่าทรัพย์สินได้แล้ว มาตรา 16 วรรคหนึ่ง ระบุว่า “ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคำนวณและเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของมูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 12” มาตรา 16 วรรคสอง ระบุว่า “อัตราภาษีร้อยละ 10 ตามวรรคหนึ่งจะตราเป็น พ.ร.ฎ.ลดลง ตามที่เห็นสมควร โดยจะลดเป็นการทั่วไปหรือลดตามความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ามรดกและผู้รับมรดกก็ได้”
ร่าง พ.ร.บ.กำหนดให้ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมรดกต้องยื่นแบบรายการภาษีและชำระภาษีภายใน 150 วันนับแต่วันที่ได้รับมรดก แต่หากผู้เสียภาษีไม่ยื่นแบบตามกำหนดให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินภาษีได้เอง ตลอดจนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้มีหน้าที่เสียภาษีมาให้ถ้อยคำหรือสั่งให้นำบัญชี หลักฐานอื่นๆ ที่สมควรมาไต่สวนได้ และแจ้งการเสียภาษี เบี้ยปรับและเงินเพิ่มถ้ามี
หากผู้รับมรดกไม่มีเงินชำระ สามารถผ่อนจ่ายภาษีได้เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี แต่เมื่อถึงกำหนดแล้วยังไม่มีการชำระภาษีให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจสั่งอายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดชอบภาษี โดยไม่ต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง
ร่าง พ.ร.บ.กำหนดโทษกรณีไม่ยื่นภาษีมรดกโดย ไม่มีเหตุอันควรว่าให้มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และผู้ใดที่ทำผิดมาตรา 35 คือ ทำลาย ย้าย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 แสนบาท และหากเจ้าหน้าที่ที่รู้ข้อมูลของผู้มีหน้าที่เสียภาษี ปล่อยปละละเลยให้ข้อมูลล่วงรู้ไปถึงบุคคลที่ไม่ต้องรู้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1.2 แสนบาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีมรดก ครม.ได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ... โดยแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร (26) (27) (28) และ (29)
โดยกำหนดให้เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แก่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่รวมถึงบุตร บุญธรรม หรือเงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดานหรือคู่สมรส หรือเงินได้ที่ได้จากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือโดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือโอกาสตามขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งจากผู้ซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดานหรือคู่สมรส และเงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ที่ได้รับเป็นมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ตลอดปีภาษี จะต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตรา 5%


