จิตแพทย์แนะวัยรุ่นคิดให้ดีก่อนโชว์ความรักเกินเลย

จิตแพทย์ชี้วัยรุ่นยุคใหม่ชอบโชว์เรื่องความรักมากขึ้น แนะคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนแสดงออกในที่สาธารณะจนเกินพอดี

กลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง สำหรับคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างสาวทอม กับหญิงสาวรายหนึ่งและสาวประเภทสอง ที่ตำหนิสาวทอมว่ากอดจูบแฟนบนรถไฟฟ้าบีทีเอสแบบไม่แคร์สายตาคนอื่น

หลังคลิปถูกแชร์ว่อนก็มีเสียงจากผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอสออกมาเตือนว่า หากมีประชาชนแจ้งเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมบนขบวนรถเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็พร้อมจะเข้าตรวจสอบและเจรจาขอให้หยุดพฤติกรรม แต่หากยังดื้อดึงก็มีสิทธิที่จะถูกเชิญลงจากรถได้

ขณะที่ชาวสังคมออนไลน์ต่างร่วมแสดงความคิดเห็นต่อคลิปนี้อย่างกว้างขวาง บ้างก็บอกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกกาลเทศะ เพราะเป็นที่สาธารณะ ซึ่งการแสดงความรักกันดูดดื่มมากเกินไปก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะเท่าไรนัก ขณะที่บางคนมองว่าการแสดงความรักของคู่รักอย่างเปิดเผยในสังคมไทยยุคนี้เริ่มกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือ หมอแอร์ จิตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมกอด จูบ  แสดงความรักของคู่รักในที่สาธารณะ ยังเป็นเรื่องที่สังคมไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะขัดต่อจารีตเดิมของไทยแล้ว คนไทยยังถือเรื่องกาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญด้วย

"การแสดงออกแบบนี้มันไม่ใช่วัฒนธรรมไทยตั้งแต่ โบร่ำโบราณของเราอยู่แล้ว จะเห็นว่าแต่ก่อนคนไทยเคร่งครัดเรื่องแบบนี้มาก แค่จับมือถือแขนก็ยังไม่ได้เลย  แต่ยอมรับว่าคนสมัยนี้เลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น มีการแสดงความรักในที่สาธารณะ หมอมองว่าตอนนี้แค่จับมือ โอบ กอดบ้าง สังคมไทยก็เริ่มยอมรับมากขึ้น แต่ถ้าจะกอดรัด จูบ ลิ้นพันกัน กลางที่สาธารณะ กลางตลาดอย่างนี้ คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังยอมรับไม่ได้มากนัก ขนาดคนแต่งงานกันแล้วทำแบบนี้ในทีสาธารณะ บ้านเราก็ยังมองว่าไม่เหมาะ

"ทุกอย่างต้องดูกาลเทศะ วัฒนธรรมไทย ขนบธรรมเนียม ประเพณี ด้วย อย่างเราไปเที่ยวผับ แล้วที่นั่นมีการกอดจูบกันได้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าใครอยากจูบกันบ้างก็คงไม่แปลก แต่กลางตลาด ที่ที่คนเขาไม่ทำกันก็ไม่ควร"หมอแอร์กล่าว

เธอบอกอีกว่า พฤติกรรมการแสดงออกอย่างเปิดเผยนี้เป็นเทรนด์ของวัยรุ่นยุคใหม่ที่ อยากโชว์ อยากอวด อยากแสดงความรัก อยากบอกคนอื่นๆ ว่าฉันมีคนรักนะ มีคนต้องการ อยากโชว์ ให้คนอื่นเห็น พอได้ทำแล้วมันรู้สึกว่าตัวเองกล้าหาญ เปรี้ยว กล้าเเสดงออก ไม่แคร์สื่อ ขณะที่บางคนที่กล้าแสดงออกในรูปเเบบนี้เพียงเพื่ออยากอยากจะแสดงความเป็นเจ้าของ

หมอแอร์แนะนำว่า วัยรุ่นที่อยากแสดงออกถึงความรักกับคนรักของตัวเองควรไตร่ตรอง และคิดหน้าคิดหลังให้ดี

"อย่าลืมว่า เราไม่ได้เกิดมาตัวคนเดียวในโลกใบนี้ ยังมีพ่อเเเม่ครอบครัวที่แคร์เรา รักเรา เข้าใจนะคะว่าคนเรามันมีความรัก หัวใจมันพองโต ก็อยากแสดงออกเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะต้องแคร์ใครเลย เหมือนที่คนโบราณบอกว่าความรัก ทำให้คนตาบอดนั่นล่ะค่ะ  แต่เราต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี  เพราะเราโตเเล้ว รู้ว่าอะไรควรไม่ควร  คิดถึงความรู้สึกของคนใกล้ตัวเราด้วย เรายังเป็นลูกของพ่อแม่ เป็นศิษย์ของสถาบัน ควรวางตัวอย่างไร รักกันได้ แต่แสดงออกในที่ส่วนตัว ไม่เห็นต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ ให้ชาวโซเชียลรู้เลย รู้กัน2 คนก็เป็นความรักเหมือนกันนะคะ"พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลีแนะ 

หากพลิกดูในแง่กฎหมายของไทยก็จะพบว่า การแสดงความรักที่เกินพอดีนั้น บางการกระทำก็อาจเข้าข่ายมีความผิดได้เช่นกัน เพราะตามตามประมวลกฎหมายอาญาไทย ได้ระบุความผิดไว้ตามมาตรา 388 ว่า การกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกายหรือกระทำการลามกอย่างอื่นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

จริงๆแล้วในโลกตะวันตกการแสดงออกที่ขัดต่อจารีตของสังคมก็อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายได้ แม้ในกฎหมายจะไม่มีข้อห้ามที่เกี่ยวกับการกระทำนั้นบัญญัติไว้ก็ตาม

เมื่อเร็วๆ นี้ทางศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปก็ได้เพิ่งตัดสินจำคุก "สตีเฟน กอฟ" นักเดินทางชาวอังกฤษวัย 55 ปี ที่เดินแก้ผ้าไปรอบอังกฤษและสกอตแลนด์

แม้ในประเทศอังกฤษจะไม่มีกฎหมายห้ามแก้ผ้าในที่สาธารณะก็ตาม แต่ศาลถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายในส่วนที่มีแนวโน้มทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว กังวลใจ และเป็นที่รังเกียจได้

"พฤติกรรมของสตีเฟนยังเป็นการละเมิดมาตรฐานความประพฤติของสาธารณชนที่สามารถยอมรับได้ในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่อีกด้วย" ศาลระบุ