posttoday

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา

19 ตุลาคม 2557

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยในขณะนี้ เป็นรองประธานคณะที่ปรึกษาของ คสช.

โดย...วิมนพรรณ ปิตธวัชชัย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยในขณะนี้ เป็นรองประธานคณะที่ปรึกษาของ คสช. และเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายทหารที่มีความเฉลียวฉลาด ลุ่มลึก มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เด็ดขาดแน่วแน่ในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง มีหลักการชัดเจน เป็นที่พึ่งให้กับเพื่อนพ้องน้องพี่ในกองทัพที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างเต็มที่

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เกิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2492 เป็นบุตร ร.ท.เชาว์ เผ่าจินดา อดีตนายทหารกรมดุริยางค์ทหารบก ผู้ซึมซับเสียงเพลงและดนตรีมาสู่บุตรชาย จน พล.อ.อนุพงษ์ กลายเป็นนายทหารที่มีความสามารถในการตีกลองชุดที่หาตัวจับยาก มีความรักดนตรี และชื่นชมวงดนตรีเดอะบีเทิลส์เป็นพิเศษ

พล.อ.อนุพงษ์ จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนพันธะศึกษา แล้วไปเรียนต่อโรงเรียนอำนวยศิลป์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ และ พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี และนายทหาร นายตำรวจคนดังอีกหลายคน

หลังจากจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 21 แล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เข้ารับราชการเป็นผู้บังคับหมวดกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ในปี 2515 เป็นนายทหารยุทธการ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบ 21 รักษาพระองค์ ปี 2520 เป็นรองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2524 เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2526 เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2529 เป็นเสนาธิการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2533 เป็นรองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2535 เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2539 เป็นเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปี 2541 เป็นรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ปี 2541 เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบรักษาพระองค์ ปี 2545 เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ปี 2546 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ปี 2547 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ปี 2548 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ปี 2549 เป็นผู้บัญชาการทหารบก ปี 2550

พล.อ.อนุพงษ์ เป็นนายทหารที่อยู่ในสายงานคุมกำลังรบมาตั้งแต่เริ่มรับราชการทหาร และเติบโตในเส้นทางทหารเสือพระราชินีที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวกที่ไม่เข้าไปร่วมกลุ่มหรือเห็นดีเห็นชอบกับการกระทำของเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนถูกเรียกว่าเป็น ตท.10/1

เมื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตัดสินใจทำรัฐประหารรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคืนวันที่ 19 ก.ย. 2549 พล.ท.อนุพงษ์ (ในขณะนั้น) ได้กลายเป็นกำลังสำคัญและเป็นผู้ดำเนินการ ช่วยให้การปฏิวัติประสบความสำเร็จ เพราะกองทัพภาคที่ 1 มีขอบเขตหน้าที่ดูแลกรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลางอยู่แล้ว โดยใช้แผน “ปฐพี 149” โดยวางกำลังเป็นจุด วางเป้าหมาย รวมถึงจัดกำลังจากหน่วยทหารต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมีกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 3 ของ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นฝ่ายประสาน โดยการดำเนินการครั้งนี้กระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต หากการไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นกบฏในทันที โดยผู้ที่คิดวางแผนให้ใช้ริบบิ้นเหลืองผูกปลายปืนก็คือ พล.ท.อนุพงษ์ เอง เพื่อเป็นการป้องกันกองกำลังของฝ่ายที่ต่อต้าน

หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้เลื่อนยศเป็น พล.อ. ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หรือที่เรียกว่า 5 เสือ ทบ. และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) คู่กับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และเป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช.

พล.อ.อนุพงษ์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก (คนที่ 36) เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2550 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2550 พล.อ.อนุพงษ์ ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 2 ก.ย. 255114 ก.ย. 25551 และรับตำแหน่งผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 4 ก.ย. 255114 ก.ย. 2551 โดยมี พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในขณะนั้น เป็นรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย

โดยในช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.นั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน ได้แก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตลอดระยะเวลาที่รับราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ในคณะรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีทั้ง 4 คนนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบกให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ความเป็นปึกแผ่นของกองทัพได้เป็นอย่างดี มีความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากต่างๆ ไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสิ่งใดด่างพร้อยหรือขาดตกบกพร่อง จนเกษียณอายุราชการในปี 2553

ด้วยเหตุที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นทหารเสือพระราชินี และผู้บังคับบัญชาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความเคารพนับถือ เปรียบเสมือนพี่และครูบาอาจารย์ เช่นเดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้ภายหลังเกษียณอายุราชการแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะมิได้มีบทบาทใดๆ ในทางการเมืองหรือทางการทหาร แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการยึดอำนาจ ก็ปรากฏชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาดำรงตำแหน่งรองประธานที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

นอกจากจะเป็นนายทหารที่มีความสามารถในการรบและรอบรู้ในกลยุทธ์พิชัยสงครามแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังได้ทำการศึกษาวิชาการต่างๆ นอกเหนือจากวิชาทหาร จนได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ด้านการจัดการสำหรับนักบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปริญญาโทมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ วิชาคอมมิวนิสต์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติรัสเซีย หลังจากเรียนจบหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการทหารบกและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรมาแล้ว

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีตำแหน่งราชการพิเศษดังนี้

ปี 25152517 ปฏิบัติราชการสงคราม บก.หน่วยผสม 333

ปี 25182519 ปฏิบัติราชการพิเศษปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน

ปี 25212545 ปฏิบัติหน้าที่ตามแผนป้องกันประเทศในกองกำลังบูรพา

ปี 2525ปัจจุบัน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชองครักษ์เวร รับราชการสนองพระเดชพระคุณ

ปี 2545 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายทหารพิเศษประจำ ร.21 รอ.

ปี 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายทหารพิเศษประจำ ร.2 รอ.

ปี 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายทหารพิเศษประจำ ร.1 รอ.

ปี 2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายทหารพิเศษประจำ ร.11 รอ.

ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เช่น

ปี 2517 เหรียญชายแดน

ปี 2518 เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2

ปี 2525 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)

ปี 2530 เหรียญจักรมาลา

ปี 2540 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)

ปี 2543 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)

ปี 2546 ประถมาภรณ์มงกุฎช้างเผือก (ป.ช.)

ปี 2549 มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

ปี 2551 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)

การดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของประชาชน และแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ อีกทั้งยังมีภารกิจสำคัญในการสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ เพื่อนำไปสู่ความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของประเทศในอนาคต จึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่จะต้องพิสูจน์ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ ว่าความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนภายใต้การนำของทหาร ผู้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพระราชดำรัสที่ว่า “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” นั้น จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ในทุกพื้นที่ของประเทศ เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา สมรสกับ กุลยา เผ่าจินดา มีบุตรธิดา 2 คน คือ ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา และวิมลิน เผ่าจินดา

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025