ปิดเขื่อนปากมูลจับปลาบึกขายได้เหยียบแสน

อุบลราชธานี-ชาวโขงเจียมออกล่าบึกหลังปิดเขื่อนปากมูลคืนเดียวจับได้ 4 ตัวขายได้ราคา 7.8 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.บรรยากาศที่ร้านอาหาร และร้านขายปลาสดริมแม่น้ำโขง อ.โขงเจียม เต็มไปด้วยความคึกคัก เพราะชาวประมงต่างนำปลาบึกยักษ์ขาย แต่ละตัวมีน้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัม ที่จับได้ในลำน้ำโขง หลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ปิดประตูเขื่อนปากมูลเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร มาขายให้กับร้านอาหาร และร้านขายปลาสด ไว้คอยนำไปประกอบอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชาวประมงวันละ 2 หมื่นบาท

น.ส.บุญฑริกา จัยสิน เจ้าของร้านอาหารแม่น้ำสองสี ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า หลังจากที่กฟผ.ปิดประตูเขื่อนปากมูล ทำให้มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.โขงเจียม และ ใกล้เคียง ออกล่าปลาบึกมาขายให้กับร้านอาหารตามริมน้ำโขง  สำหรับเธอได้รับซื้อไว้ ทั้งหมด 4 ตัว น้ำหนักรวมกว่า 600 กิโลกรัม มูลค่า 7.8 หมื่นบาท

น.ส.บุญฑริกา กล่าวว่า การจับปลาบึกในช่วงนี้จะมีระยะเวลาอยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็แล้วแต่ตามดวง สาเหตุที่ชาวประมงสามารถจับปลาบึกได้เยอะในช่วงนี้ก็เป็นเพราะการปิดเขื่อนปากมูลซึ่งทำให้น้ำนิ่งปลาบึกที่เคยว่ายตามกระแสน้ำก็จะเกิดอาการตื่นน้ำ หรือ อาการ งง อีกช่วงก็จะเป็นช่วงที่เปิดเขื่อนใหม่น้ำลดปลาบึกจะติดตามซอกหินตามต้นไม้ชาวบ้านก็จะออกย่ำปลา ซึ่งจะเป็นช่วงที่ชาวประมงในพื้นที่จะรู้และเตรียมตัวกันล่วงหน้า

สำหรับปลาที่จับได้ชุดนี้ ชาวบ้านแจ้งว่าได้มาจากบ้านลาดวารี หมู่ที่ 14 ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี มีขนาดตั้งแต่ตั้งแต่ 30 -150 กิโลกรัม ราคาที่จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 - 250 บาท ขึ้นอยู่ที่ใครเป็นคนขายหากชาวบ้านขายเองราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาท หากซื้อที่ตลาดก็จะอยู่ที่ 250 บาท การจับก็จะใช้มอง หรือ ตาข่ายดังปลาขนาดใหญ่ในการลาก แค่ 2 วันชาวบ้านมีรายได้อย่างน้อยรายละ 2 หมื่นบาทซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองของชาวบ้าน