posttoday

มาเฟียผงาดข้าวสารเละ

07 ตุลาคม 2557

แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ถนนข้าวสาร” กำลังตกอยู่ในสภาพความไร้ระเบียบจากการตั้งแผงลอยขายสินค้า

โดย...ทีมข่าวทั่วไปโพสต์ทูเดย์

แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ถนนข้าวสาร” กำลังตกอยู่ในสภาพความไร้ระเบียบจากการตั้งแผงลอยขายสินค้านานาชนิดของผู้ค้าเนืองแน่นรุกล้ำลงมาบนถนน รถเข็นขายผัดไทยจอดเรียงรายกีดขวางทางเดิน ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสารร้องเรียนมายังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ช่วยเข้ามาจัดระเบียบ ล่าสุด พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ประกาศให้เวลาผู้ค้ารื้อแผงลอยบนทางเท้าออกให้หมดก่อนวันที่ 15 ต.ค.นี้

สง่า เรืองวัฒนกุล อดีตนายกประชาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการธุรกิจกว่า 40 ราย เรียกร้องให้ กทม.เข้ามาจัดระเบียบปัญหา อาทิ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกว่า 200 ร้าน ปักหลักเช่าพื้นที่วางขายสินค้าเต็มฟุตปาท ทำให้คนไม่สามารถเดินบนฟุตปาทได้ จึงต้องลงไปเดินบนถนน ซึ่งจะถูกรถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ เฉี่ยวชน ในบางครั้งนักท่องเที่ยวเดินหลบชนแผงลอย ผู้ค้าก็ไปด่าทอนักท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่ตัวเองรุกล้ำมาบนถนน

สำหรับราคาค่าเซ้งอาคารร้านค้าหัวมุมถนนข้าวสารขณะนี้มีราคาสูงถึงหลักล้านกว่าบาท ส่วนราคาของแผงลอยจะอยู่ที่ 47 หมื่นบาท/เดือน ทั้งที่ตั้งอยู่บนทางเท้าอันเป็นของสาธารณะ ไม่มีใครอ้างสิทธิเป็นเจ้าของเรียกเก็บค่าเช่าได้ แต่ปรากฏว่ามีคนอ้างตัวยึดเป็นเจ้าของ เมื่อเวลาผ่านไปเกิดการเปลี่ยนมือเซ้งสถานที่ต่อกันหลายทอด ราคาจึงปรับขึ้นเรื่อยๆ ส่วนรูปแบบการจ่ายเงินค่าเช่า จะจ่ายให้กับเจ้าของเดิม ซึ่งก็คือร้านค้าที่มายึดพื้นที่แล้วอ้างความเป็นเจ้าของเป็นรายแรกนั่นเอง สถานที่แห่งนี้มีเงินสะพัดเฉพาะการค้าขายเสื้อหา เครื่องดื่มเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาท

อดีตนายกประชาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ระบุว่า เมื่อถนนข้าวสารสั่งสมปัญหาไว้จำนวนมาก คำถามที่ตามมาคือ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยปัญหาไว้ได้อย่างไร เบื้องหลังของปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้ ถูกเปิดเผยว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐจริง เพื่อให้ทำเป็นมองไม่เห็น อาทิ กลุ่มรถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ เข้ามาจอดรอรับลูกค้า แม้จะมีข้อบังคับห้ามเข้าหากไม่มีผู้โดยสาร แต่ก็ยังเข้ามาจอดรับอยู่เป็นประจำ

ปัญหาถัดมาคือ ร้านรับทำหนังสือเดินทางปลอม เปิดบริการโจ่งแจ้งไม่เกรงกลัวกฎหมาย แก๊งคนแขก 45 คน รับดูดวงลายมือ ไม่มีใบอนุญาต วนเวียนหาเหยื่อหลอกลวงรูดทรัพย์นักท่องเที่ยว ด้วยการป้ายยาทำให้ไม่มีสติ รวมทั้งปัญหาสาวประเภทสองขายบริการทางเพศอีกด้วย

สง่า บอกว่า ยิ่งไปกว่านั้นมีตำรวจสายสืบหลอกขายยาเสพติดให้นักท่องเที่ยว เพื่อให้ตำรวจเข้ามาจับกุม จากนั้นจะขู่รีดไถ หากไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย ต้องยอมจ่ายเงินเพื่อจบเรื่องเสีย ในด้านของเจ้าหน้าที่เทศกิจ ด้วยบทบาทหน้าที่สามารถจับกุมรถเข็นอาหารได้ทันที แต่ปรากฏว่าจำนวนรถเข็นไม่ได้หายไปหรือน้อยลงเลย แม้จะเดินตรวจตรา รถเข็นเหล่านี้ก็จะหลบเข้าไปในซอยไปก่อน จากนั้นเมื่อเทศกิจเดินผ่านไป จะกลับออกมาใหม่ เป็นอย่างนี้ทุกค่ำคืน

ปัญหาต่อมาคือ จำนวนแรงงานต่างด้าวกว่าหลายร้อยคนหลั่งไหลเข้ามาทำงานดูแลร้านค้า โดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงปัญหาความสกปรกของเศษขยะ ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดบนถนน เนื่องจากไม่มีถังขยะ อันเป็นผลจากความหวาดกลัวระเบิดจะถูกซุกซ่อนไว้ในถังขยะ

ขณะที่ พรรณี เลิศสมผล นายกประชาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า พื้นที่ฟุตปาทของถนนข้าวสารเคยเป็นจุดทบทวนมานานแล้ว ซึ่งไม่ใช่จุดผ่อนผัน ทำให้ผู้ค้าไม่เข้าใจว่าสามารถค้าขายได้หรือไม่ ที่ผ่านมาจึงมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาคิดค่าปรับแผงลอย แล้วมีการออกใบเสร็จเป็นค่าดูแลทำความสะอาด คิดเป็นตารางเมตรละ 300-500 บาท แต่ไม่ได้เป็นการชี้แจงว่านี่คือค่าปรับ

ญาดา พงเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าหาบเร่แผงลอยถนนข้าวสาร กล่าวว่า การเป็นร้านค้าแผงลอยบนฟุตปาทนั้นผิดกฎหมายเต็มๆ และมีการจ่ายเงินค่าเช่าแผงลอยจริง แต่การที่ กทม.จะเข้ามาไล่ผู้ค้าออกจากฟุตปาทคงปฏิบัติตามไม่ได้ แต่จะขอเจรจาให้แผงลอยที่ตั้งปิดทางจนเดินไม่ได้ ยอมเปิดทางเดินความกว้าง 1 เมตร ตรงนี้ถือเป็นการอะลุ่มอล่วยต่อกัน

“ถ้าถนนข้าวสารไม่มีร้านค้าแผงลอยถือว่าไม่มีเสน่ห์ แม้ว่าแผงลอยจะผิดกฎหมาย แต่ถ้ารัฐบาลอยากให้มีการสร้างงาน ก็ต้องยอมให้เราอยู่ เพราะถ้าขับไล่จะทำให้มีคนตกงานอีกมาก” ญาดา กล่าว

เธอเล่าว่า สังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ ใครอยากทำผิดต้องไปตีสนิทกับเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าเป็นเทศกิจชุดเก่าจะมีระบบจ่ายหัวคิวรถเข็นผัดไทยแรงงานต่างด้าวหัวละ 4,000 บาท/เดือน ซึ่งก็มีมาเป็น 100 คัน แต่เทศกิจ ชุดใหม่นี้ไม่ขอเปิดเผย เพราะอยู่ในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จับตา จึงทำให้ช่วงนี้เงียบๆ ไปก่อน จะมีก็แต่รถเข็นเข้ามาแค่ 40 คันเท่านั้น

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2