"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล"นักเศรษฐศาสตร์ผู้ไม่เคยขาดน้ำใจ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรได้ดำเนินการให้การทอดผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว นำเงินเข้าสู่คลังหลวงตามเจตนารมณ์ของหลวงตา
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในปัจจุบัน เป็นหลานปู่ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ต้นราชสกุล เทวกุล อดีตเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2490 เป็นบุตรชายคนเล็กใน พล.ต.ม.จ.ปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล และหม่อมแตงไทย เทวกุล ผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวมอญที่มีอันจะกินใน จ.นนทบุรี
บรรพบุรุษของหม่อมแตงไทย ชื่อนายเถอะ เป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เมื่อเกิดเหตุการณ์อันเศร้าสลดด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีอันเป็นที่รักยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระขนิษฐาร่วมอุทรในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์ในแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับพระราชธิดา สมเด็จเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ บริเวณบางพูด จ.นนทบุรี นายเถอะบรรพบุรุษของหม่อมแตงไทยมีความดีความชอบได้รับพระราชทานเงินจำนวน 10 ชั่ง จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นผู้ดำน้ำลงไปจนนำเอาพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ขึ้นมาได้ ความข้อนี้ปรากฏหลักฐานอยู่ในจดหมายพระราชกิจรายวัน วันศุกร์ แรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปี มะโรง โทศก จ.ศ. 1242 ตรงกับวันที่ 4 มิ.ย. 2423
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เรียนหนังสือเก่งและเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่วัยเด็ก จึงเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะ ม.ร.ว.สำอางวรรณ ล่ำซำ ที่แม้จะเป็นพี่สาวต่างมารดา แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุดเมื่อน้องชายคนเล็กเกิด ขณะที่กำลังเป็นนิสิตชั้นปีที่หนึ่งของคณะเภสัช กรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.ร.ว.สำอางวรรณ ล่ำซำ จึงรักใคร่ผูกพันกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ผู้น้องชายตลอดมา
หลังจบการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ด้วยคะแนนดีเด่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้เข้าศึกษาต่อที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เป็นศิษย์ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้รับการอบรมบ่ม เพาะวิชาความรู้ในแง่มุมต่างๆ ทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง การเงินการ ธนาคาร สังคมและการศึกษา จาก ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาการต่างๆ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างมากมาย ประกอบกับพื้นฐานทางครอบครัวที่ท่านพ่อเป็นนายทหาร เป็นครูฝึกสอนทหาร เป็นอาจารย์ที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ให้ความเคารพนับถือ ทรงเป็นผู้แทนไทยในสงครามเกาหลี ทรงเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทรงมีความรู้มากมายในทางกฎหมายเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ดนตรี วรรณกรรมทั้งตะวันออก-ตะวันตก ได้ทรงถ่ายทอดความรู้ต่างๆ เหล่านี้ให้หล่อหลอมอยู่ในตัว ม.ร.ว.ปรีดิยาธรอย่างเต็มที่ อีกทั้งหม่อมแม่ยังเป็นผู้ที่สนใจใฝ่รู้ในเรื่องพระธรรมคำสอนและวัตรปฏิบัติอัน งดงามในทางพุทธศาสนา ก็ได้ถ่ายทอดศรัทธาและความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ให้บุตรชายได้ตระหนักรับรู้ จนสามารถดำเนินชีวิตให้เจริญก้าวหน้าในวิถีของพุทธศาสนิกชนที่ดีมาจนกระทั่งทุกวันนี้
หลังจากจบปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ เกียรตินิยมดีมากในปี 2511 แล้ว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business) จาก Wharton School, University of Pennsylvania
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เริ่มทำงานที่ธนาคาร กสิกรไทย ตั้งแต่ปี 2514 จนได้รับตำแหน่งกรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ตลอดระยะเวลาที่ทำงานใน ธนาคารกสิกรไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เป็นกำลังสำคัญร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร เช่น บัญชา ล่ำซำ บรรยงค์ ล่ำซำ ณรงค์ ศรีสอ้าน ปรีชา ล่ำซำ และชนะ รุ่งแสง นำพาธนาคารกสิกรไทยให้มีความเจริญก้าวหน้ามีขีดความสามารถในการบริหารจัดการที่ทันสมัย จนกลายเป็นธนาคารระดับนำของประเทศ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงว่าเป็นสถาบัน การเงินที่มั่นคงแห่งหนึ่งของประเทศ
นอกจากจะเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ฉลาดหลักแหลม แก้ไขปัญหาได้รอบด้านแล้ว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังเป็นคนที่มีจิตใจดีมีความโอบอ้อมอารี พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน จึงเป็นที่รักและนับถือของเพื่อนฝูง ผู้บังคับบัญชา ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาและผู้ที่รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างมาก ความโอบอ้อมอารีและมีจิตใจที่กว้างขวางของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ทำให้ได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนฝูง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้ที่รู้จักมักคุ้นที่ตกทุกข์ได้ยากมีปัญหาในเรื่องของความเจ็บไข้ ประสบความยากลำบากในชีวิตการงาน-การเงินและด้านธุรกิจ ให้หลุดพ้นจากความยากลำบากทั้งหลายทั้งปวงมาเป็นจำนวนมาก แม้แต่เพื่อนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันแล้วถูกไล่ที่ และเพื่อนที่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ก็ยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือจนเพื่อนและครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ทั้งยังส่งเสียลูกของเพื่อนๆ หลายคนจนสำเร็จการศึกษา และสนับสนุนให้มีอาชีพเลี้ยงตัวต่อไปได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยังได้ทำงานแบบปิดทองหลังพระ ช่วยเหลือเกื้อกูลและแก้ปัญหาให้กับบรรดาญาติมิตร หรือกลุ่มธุรกิจที่ประสบปัญหาให้ได้รับการผ่อนคลายมาโดยตลอด
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจอันดีงามของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คือเมื่อครั้งที่ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ถูกหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคหนึ่งออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน อ้างว่ามีหลักฐานชัดเจนเป็นใบรายการแสดงยอดเงินในบัญชีของ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับแสดงหลักฐานที่ตน มีอยู่ต่อสื่อมวลชนโดยเจตนาจะให้หลักฐานนั้นแพร่กระจายออกไปให้ผู้คนในสังคมสงสัยว่า ดร.จิรายุ ได้เงินจำนวนนั้นมาจากไหน และ ดร.จิรายุ ได้กล่าวปฏิเสธแต่เพียงว่าไม่เป็นความจริง ในขณะที่หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ผู้นั้นแสดงอาการรุกไล่ และประกาศว่า จะนำหลักฐานที่ตนมีอยู่ไปตีแผ่ในรัฐสภา ขอให้ ดร.จิรายุ ชี้แจงและรับผิดชอบด้วยการ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี จากท่าที ที่จริงจังของผู้กล่าวหาทำให้ผู้คนในสังคมเริ่มคล้อยตาม หลายคนคิดว่าอาจจะ เป็นการทุจริตและนำเงินไปฝากไว้ในต่างประเทศจริง เนื่องจาก ดร.จิรายุ เคยเป็น รมว.อุตสาหกรรม มีความเกี่ยวพันกับเรื่องอ้อยและน้ำตาล
ม.ร.ว.ปรีดายาธร เทวกุล ซึ่งทำงานอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย แม้จะไม่เคยรู้จักมักคุ้นสนิทสนมกับ ดร.จิรายุ มาก่อน แต่เห็นว่า ดร.จิรายุ เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต อีกทั้งใบรายการแสดงยอดเงินในบัญชีของธนาคารที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำมาแสดงต่อสาธารณะนั้น นามสกุล อิศรางกูร ซึ่งเป็นราชสกุลก็สะกดผิดไปจากภาษาอังกฤษที่ปรากฏอยู่ในทำเนียบของราชสกุล จึงตัดสินใจช่วยเหลือ ดร.จิรายุ ทันที โดยขอให้ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาลอสแองเจลิส ช่วยตรวจสอบว่าที่อยู่ของธนาคารที่ปรากฏชื่อในใบรายการแสดงยอดเงินในบัญชีที่ถูกนำมาเผยแพร่เพื่อกล่าวหา ดร.จิรายุนั้น มีอยู่จริงหรือไม่
ทันทีที่ได้ทราบว่า ที่อยู่ที่ปรากฏในใบแสดงยอดเงินในบัญชีนั้นไม่มีอยู่จริง และทั้งหมดเป็นการปลอมแปลงขึ้นมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จึงติดต่อไปยังธนาคารแห่งนั้นเพื่อขอให้ทำหนังสือรับรองมาอย่างเป็นทางการว่า ใบรายการแสดงยอดเงินในบัญชีที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้นเป็นเอกสารปลอม เมื่อทางธนาคาร ทำหนังสือยืนยันมาอย่างเป็นทางการแล้ว ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ก็หลุดรอดจากการถูกกล่าวหา และพ้นจากภัยทางการเมืองมาจนถึงวันนี้ ซึ่งรายละเอียดของการปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว นิตยสารสู่อนาคต รายสัปดาห์ ได้นำมาเปิดเผยอย่างละเอียดทุกขั้นตอน
ในปี 2529 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้ไปบวชศึกษาพระธรรมกับหลวงตา มหาบัวที่วัดป่าบ้านตาดอยู่ระยะหนึ่ง ระหว่างนั้นหลวงตามหาบัวได้ตั้งมูลนิธิขึ้น เพื่อนำเอาดอกผลที่ได้จากเงินฝากของมูลนิธินั้นไปช่วยเหลือเกื้อกูลเลี้ยงเด็ก|ผู้พิการทางสมอง ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ โดย|หลวงตามหาบัวได้สั่งฝาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไว้ว่า หากวันใดที่มูลนิธิของหลวงตาไม่สามารถดูแลช่วยเหลือเลี้ยงเด็กผู้พิการทางสมองต่อไปได้ และทางภาครัฐก็ยังไม่สามารถจัดหางบประมาณมาดูแลได้ ก็ขอให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รับผิดชอบดูแลช่วยเหลือต่อไป จากนั้นไม่นาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ต้องรับผิดชอบช่วยเหลือเลี้ยงดูเด็กพิการทางสมองของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ตามคำขอของหลวงตา มหาบัวต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหลวงตา มรณภาพและภาครัฐได้จัดงบประมาณเข้าไปช่วยเหลือเลี้ยงเด็กพิการทางสมองเมื่อ 2 ปีก่อน รวมเวลากว่า 20 ปี ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้ให้การช่วยเหลือเลี้ยงดูเด็กพิการทางสมองนั้น ได้บริจาคเงินส่วนตัวไปเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
ครั้นได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยังได้ดำเนินการให้การทอดผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว นำเงินเข้าสู่คลังหลวงตามเจตนารมณ์ของหลวงตาได้อย่างเรียบร้อยโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้รับการชักชวนจาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ให้ไปดำรงตำแหน่งโฆษกรัฐบาลเมื่อปลายปี 2533 จากนั้นได้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน ในปี 2534 เป็น รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในปี 2535 ครั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535 แล้วเห็นว่าเหตุการณ์วิกฤตนั้นไม่อาจจะยุติลงได้ หาก พล.อ.สุจินดา คราประยูร ไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จึงเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลที่แสดงท่าทีอย่างแข็งขัน สนับสนุนให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีส่วนช่วยดำเนินการทุกอย่างให้การลาออกของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นไป อย่างเรียบร้อยในระยะเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อ อานันท์ ปันยารชุน เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ก็ได้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ อีกเช่นกัน และในปี 2536 ก็ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน ในปี 2540 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในปี 2544 เมื่อเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ในปี 2549 ก็ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
หลังจากลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในปี 2550 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ในตำแหน่งประธานกรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระอุปถัมถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กรรมการและเลขานุการมูลนิธิอาจารย์ป๋วย กรรมการ The Board of governors of Asian Instituto of Management, Philippines และกรรมการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
เมื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ตัดสินใจไปทำธุรกิจส่วนตัวที่ จ.เชียงราย ก็ได้มีส่วนเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือธุรกิจภาคเอกชน หน่วยราชการ สถาบันการศึกษา ตลอดจนการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาสังคมสิ่งแวดล้อม และการบำรุงพระศาสนาใน จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความรักและความเอาใจใส่ในสังคมบ้านเมือง ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้กลายเป็นบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังอย่างสำคัญที่สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่สังคมเล็กๆ ที่เชียงรายได้อย่างแนบแน่นกลมกลืน กลายเป็นศูนย์รวมแห่งความหวังของบรรดาศิลปินผู้รังสรรค์ศิลปะทุกแขนงที่รวมตัวกันอยู่ในเชียงรายให้มีโอกาสได้นำศิลปะออกไปสู่โลกกว้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ แม้แต่ ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ยังเคยกล่าวว่า “หม่อมอุ๋ยจะเป็นผู้เปิดโลกกว้างอย่างมีอนาคตให้แก่ศิลปินล้านนาในรุ่นต่อไป”
จากการทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและบ้านเมืองอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้รับยกย่องให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับเข็มเกียรติยศทองคำของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2549 ในโอกาสวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบ 72 ปี ในฐานะศิษย์เก่าผู้มีจริยธรรมดีเด่น ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติ ได้รับยกย่องให้เป็นศิษย์เก่า ดีเด่นของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นศิษย์เก่าดีเด่น (Hall of Fame) ของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ได้รับแต่งตั้งให้เป็น Advisory Board ของ Wharton School, University of Pennsylvanin
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้รับรางวัลผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเอเชีย ประจำปี 2549 (Central Bank Governor of the Year-Asia 2006) จากการคัดเลือกของนิตยสาร The Banker ในเครือ Financial Times ประเทศอังกฤษ เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2529- 2531) ประธานชมรมฟอร์เร็กซ์แห่งประเทศไทย (2528-2529) และดำรง ตำแหน่งวุฒิสมาชิก ปี 2535-2536
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้รับปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2545, เศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมปี 2546, บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปี 2546, เศรษฐศาสตร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2549, บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ปี 2549, เศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2551 และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) และตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล สมรสกับ ประภาพรรณ เทวกุล ณ อยุธยา มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ เปรม, ปลื้ม และพุดจีบ


