posttoday

รัก (หุ้น) มาก ก็ช้ำมาก (1)

25 กันยายน 2557

ดิฉันตรึกตรองเฝ้ามอง และค่อยๆ ค้นหาตามความเคลื่อนตัวของข้อมูล เรื่องการขอถอนหุ้นของ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตSCBLIF ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สักพักแล้วค่ะ เมื่อสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยได้รับจดหมายร้องขอความเป็นธรรมจากกลุ่มผู้ถือหุ้น นำโดย นพ.อภิชาติ ศิลปอาชา ลงวันที่ 9 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา

ดิฉันตรึกตรองเฝ้ามอง และค่อยๆ ค้นหาตามความเคลื่อนตัวของข้อมูล เรื่องการขอถอนหุ้นของ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตSCBLIF ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สักพักแล้วค่ะ เมื่อสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยได้รับจดหมายร้องขอความเป็นธรรมจากกลุ่มผู้ถือหุ้น นำโดย นพ.อภิชาติ ศิลปอาชา ลงวันที่ 9 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา

เป็นไปตามหลักการของการรับข้อมูลร้องเรียนจากสมาชิกหรือผู้ถือหุ้นรายบุคคลที่มักจะมีมาถึงสมาคมว่าจะต้องมีการสอบเช็กความเป็นตัวตนของบุคคลนั้นๆ และเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายหรือไม่ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการของคณะอนุกรรมการพิทักษ์สิทธิของสมาคมเป็นลำดับ

ครั้นเมื่อคุณหมออภิชาติเดินทางมาพบดิฉัน เปิดเผย แสดงตัวตนชัดเจน มีการสอบเช็กข้อมูลการถือครองหุ้นเป็นที่เรียบร้อย คณะกรรมการของสมาคมจึงมีมติให้ติดตามเรื่องนี้ ตามภารกิจของการได้รับมอบหมายให้เป็น “องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล” โดยได้รับการสนับสนุนจาก ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

ในฐานะผู้บริโภคข่าวสาร ยุคนี้เราพบว่าข้อมูลช่างมากมายทับถมเข้ามา จนต้องตั้งสติในการค่อยๆ กลั่นเกลา จึงจะพอต่อภาพที่เลือนรางให้เข้าใจได้ ดิฉันจึงพบปรากฏการณ์แปลกใหม่ของผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร โดยเฉพาะในกรณีนี้ของ SCBLIF ลองตามมาคลี่ “ข้อมูล” ซึ่งเป็น “ข้อจริง” ด้วยกันดังนี้ค่ะ

ธุรกิจประกันชีวิต : หุ้นนิ่ง กำไรดี

เบี้ยประกันชีวิตโดยรวมของบริษัทประกันชีวิตทั้ง 24 แห่งในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ตัวเลข 442,496 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 13 (จากที่คาดไว้ว่าจะมีอัตราเติบโตร้อยละ 17)

SCBLIF เป็นหนึ่งในหุ้นของกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตในตลาดหลักทรัพย์ฯ โตเป็นอันดับ 4 รองจาก AIA เมืองไทยประกันชีวิต และไทยประกันชีวิต มีเบี้ยรวม 45,496 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10.3

ก่อนจะมาเป็น SCBLIF ในวันนี้ ค้นประวัติกลับไปเมื่อ 38 ปีที่ผ่านมา บันทึกไว้น่าสนใจว่า มีการก่อตั้งในปี 2519 ชื่อบริษัท มหานครประกันชีวิต ปี 2531 ธนาคารไทยพาณิชย์ขยายงานเข้ามาในธุรกิจประกันชีวิต จึงเข้ามาซื้อหุ้นและเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จากนั้นจึงนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 6 ปีต่อมา ชื่อย่อว่า SCBLIF

หลังเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง กิจการไทยหลายแห่งมักมีหุ้นต่างชาติเข้าร่วมทุน ปี 2543 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต

ล่วงเข้าปี 2554 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อมีการซื้อหุ้นคืนจากหุ้นส่วนต่างชาติทั้งหมด และกลับมาใช้ชื่อเดิม คือ “ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต” ส่งผลให้ธนาคารไทยพาณิชย์SCB กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 94.66%

สิ่งที่ตามมาคือ ขาดคุณสมบัติของการเป็นบริษัทมหาชน ที่ต้องมีหุ้นหมุนเวียนอย่างน้อย 15% และต้องจ่ายค่าปรับให้กับ ก.ล.ต. ปีละ 5 แสนบาท ต่อเนื่องกันมา 3 ปีแล้ว

เรื่องหุ้นขาดสภาพคล่อง ซื้อน้อย ขายน้อย จัดเป็นเรื่องปกติมากสำหรับหุ้นในกลุ่มประกันชีวิต แต่มองอีกมุมหนึ่งตีความว่าเป็นหุ้นเพิ่มมูลค่า เพราะปันผลงามราคาขยับขึ้นตามกาลเวลา ยิ่งถือยาวหุ้นยิ่งแพงขึ้นนั่นเอง เป็นการซื้ออนาคต เหมาะกับนักลงทุนประเภทถือยาว ไม่นิยมความหวือหวา หัวใจเต้นปกติ

ปัจจุบัน SCBLIF มีทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท ชำระแล้ว 665 ล้านบาท PAR 10 บาท

พบว่า 10 อันดับแรกของผู้ถือหุ้น กระจุกรวมกันอยู่มากถึง 98.04% ล้วนเป็นนักลงทุนระยะยาวเก็บกินปันผล และพบว่าไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถือกันนิ่งๆ อย่างนี้มานานมาก

ทุกอย่างดูดี แต่... จากผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องเรื่อยมาของ SCBLIF พบได้จากรายงานประจำปี 2556 ผู้บริหารภาคภูมิใจในการนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ผ่านช่องทางหลักของธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

วันที่ 14 พ.ค. 2557 SCBLIF แจ้งมติคณะกรรมการว่า จะทำการถอดถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ รับซื้อหุ้นทั้งหมดจากรายย่อยด้วยราคา 1,117.25 บาท/หุ้น ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถแก้ไขสภาพคล่องของหุ้นให้มี Free Float 15% ได้ เพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ประสงค์จะขายหุ้นออกมา

เลือกหุ้นที่ใช่แล้ว...แล้วไงต่อล่ะ

นพ.อภิชาติ ศิลปอาชา หนึ่งในผู้ถือหุ้น SCBLIF ตั้งข้อสังเกตบนความรักที่มีต่อหุ้นที่เขาเลือกลงทุนแล้วว่า ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนมีมติถอดถอน ราคาหุ้นปรับตัวลง มีนัยว่าอาจจะใช้เป็นฐานค่าเฉลี่ยให้ต่ำลง ส่งผลถึงราคาเฉลี่ยที่จะรับซื้อต่ำลงด้วย รวมทั้งราคาที่ทำ Tender Offer หรือรับซื้อคืน เป็นการประเมิน เปิดราคาออกมาที่ 1,117.25 บาท/หุ้น โดยธนาคารไทยพาณิชย์ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เข้าข่ายตั้งราคาเอง รับซื้อเอง แม้ไม่มีข้อห้ามตามกฎหมาย แต่เลือนรางเรื่องธรรมาภิบาล

ข้อร้องเรียนของหมอหนุ่มคนนี้ แม้จะแสนเสียดายหุ้นโปรดสุดรักที่เลือกให้เป็นหุ้นอนาคตของตัวเอง คือ การขอความเป็นธรรมเรื่องราคาที่ควรเกิดจากการประเมินราคาของมืออาชีพระดับ Big Four น่าจะเป็นที่ยอมรับได้ เพราะล้วนมีนัยต่อการตัดสินใจ หลังการเดินออกจากตลาดหุ้นไปแล้ว เกณฑ์ใดๆ ที่เคยปฏิบัติในฐานะบริษัทจดทะเบียนอาจไม่มีความจำเป็นและเป็นความยุ่งยากสำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อยที่จะได้รับข่าวสารข้อมูล หรือแม้กระทั่งราคาตลาดที่กำหนดซื้อขายกัน ทุกอย่างจะถอยหลังเป็นบริษัทธรรมดาแห่งหนึ่งเท่านั้น

แต่ก็พบว่าคุณหมอมีการคำนวณคณิตศาสตร์ประกันชีวิต จนมีราคาหุ้นออกมาที่ 2,047 บาท/หุ้น

พินิจข้อมูล

SCBLIF มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเข้ามาช่วยทำหน้าที่ประเมินราคาหุ้น เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2557 คือ บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ ต่อมา 4 มิ.ย. 2557 จึงแต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ หลังจากที่เจดีฯ แจ้งว่างานล้นมือ ไม่อาจรับงานได้

ต่อมา คุณวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ SCBLIF ทำหนังสือที่สบห.054/2557 ถึงกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ลว. 28 ก.ค. 2557 พร้อมทั้งแนบสำเนาหนังสือของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ บลต.570140 ลงวันที่ 25 ก.ค. 2557 ตีความสรุปได้ว่า

1) SCBLIF แจ้งว่า บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ ขอถอนตัวจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ จึงมีการแต่งตั้งบริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง (E&Y) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งปรากฏเป็นมติรับทราบในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2557 เมื่อ 28 ก.ค. 2557 แล้ว

2) ธนาคารไทยพาณิชย์SCB ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 94.66 มีหนังสือลงนามโดยคุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2557 ที่ บลต.570140 ถึงคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ประธานกรรมการ SCBLIF สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

2.1 ยืนยันตามหนังสือ ลงวันที่ 14 พ.ค. 2557 แสดงเจตจำนงขอซื้อหลักทรัพย์ของ SCBLIF ทั้งหมดเพื่อเพิกถอนออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

2.2 แจกแจงว่าความสำเร็จของ SCBLIF จากการใช้ช่องทางของ SCB นั้น ในอนาคตอาจไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะเกิดขึ้นได้อีก

2.3 ผลิตภัณฑ์ของ SCBLIF ไม่สามารถสนองความต้องการของลูกค้าธนาคารได้ SCB กำลังเจรจากับบริษัทประกันชีวิตอีกหลายราย

2.4 SCBLIF ต้องการได้รับสิทธิพิเศษ แต่ SCB อาจส่งผลกระทบทางการเงินของ SCB และอาจส่งผลตามไปถึง SCBLIF ในอนาคตได้

2.5 มีการยกตัวอย่างการผนึกกำลังเพิ่มช่องทางการตลาดร่วมกันของสองเครือข่าย คือ Citibank N.A และ AIA Group และ Prudential PLC และ standard chartered PLC เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ซึ่งกันละกัน

โดย SCB ระบุว่า ที่ผ่านมา SCBLIF ไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนในการใช้สิทธิผูกขาดแต่อย่างใด หากจะมีการทำสัญญาขึ้นในอนาคต ย่อมเป็นค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากแก่ SCBLIF ได้

2.6 SCBLIF จะมีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง อาจส่งผลเชิงลบต่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) และการจ่ายเงินปันผลลดลงในอนาคต

2.7 SCB เชื่อว่ามูลค่ากิจการของ SCBLIF จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงจากปัจจุบันเป็นอย่างมาก n (อ่านต่อฉบับหน้า)

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025