สั่งปิดผับดังชัยนาทเซ่นคดีแทงกันดับ

ชัยนาท-ฝ่ายปกครองสั่งปิดผับดัง 60วันหลังเกิดเหตุแทงกันดับคาคอนเสิร์ตคาราบาว ตำรวจยันออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว

เมื่อวันที่24ก.ย. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.ชัยนาท กล่าวว่า ทางฝ่ายปกครองซึ่งรับผิดชอบดูแลในส่วนของการอนุญาตเปิดสถานบริการได้พิจารณาสั่งปิดการให้บริการของผับชื่อดังเป็นเวลา 60 วัน หลังเกิดเหตุนายปนิธิ บุญเมือง เจ้าหน้าที่ทันตกรรมหนุ่มวัย 21 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิตในงานคอนเสิร์ตวงดนตรีคาราบาวที่จัดขึ้นในผับชื่อดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่าส่วนในประเด็นของการวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ก่อเหตุเป็นเครือญาติของนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในจ.ชัยนาททำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับคดีนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจรับคดีและดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดชัยนาทออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้แล้วคือ นายอภิชนม์ เกิดสมศักดิ์ นอกจากนี้ขอยืนยันว่าไม่มีผู้มีอิทธิพลหรืออำนาจเถื่อนใดจะมาอยู่เหนือข้าราชการของ จ.ชัยนาทได้

ด้าน พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น ผกก.สภ.เมืองชัยนาท กล่าวว่า จากกรณีมีการโพสต์ข้อความบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจในคดีนี้ว่าไม่รับแจ้งความหรือเกรงกลัวอิทธิพลนักการเมืองท้องถิ่นนั้น ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันและออกเลขรับคดีแล้วตั้งแต่เวลา 04.00 น.ของวันเกิดเหตุ เป็นคดีหมายเลข 367/2557 มีร.ต.ท.มานะ เยียระนุช เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และศาลได้อนุมัติหมายจับคนร้ายคือนายอภิชนม์  แล้วเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลจากการสืบสวนทราบว่านายอภิชนม์เป็นลูกของทหารชั้นประทวนนายหนึ่งสังกัดค่ายทหารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้ตำรวจได้วางสายสืบประกบตามแหล่งที่สงสัยว่านายอภิชนม์จะไปหลบซ่อนตัวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ หากใครมีเบาะแสก็ขอให้แจ้งมายังสถานีตำรวจเมืองชัยนาทได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 056-411-734

พ.ต.อ.อุกฤษ กล่าวอีกว่า กรณีเฟซบุ๊กของดาราตลกชื่อดัง โหน่งชะชะช่า ที่มีการโพสต์ข้อความว่าตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะเกรงกลัวอิทธิพล ทำให้มีการวิจารณ์และโจมตีตำรวจอย่างรุ่นแรงบนโลกโซเชียลนั้นคงไม่ถึงขั้นจะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีกับโหน่ง แต่อยากให้โหน่งออกมาขอโทษตำรวจเป็นการแสดงความรับผิดชอบ และอยากฝากถึงคนที่จะแชร์จะวิจารณ์เรื่องอะไรขอให้หาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนหากไม่รู้ก็ให้ถามหน่วยงานเจ้าของเรื่องจะได้ไม่เกิดความเสียหายกับหน่วยงาน และถือว่าเป็นการบ่อนทำลายขวัญและกำลังใจของข้าราชการผู้ปฏิบัติอย่างรุนแรงด้วย