posttoday

"ตำรวจแฉ-เปี่ยนโต้"เบื้องหลังคดีมาเฟียป่าตอง

03 กันยายน 2557

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

ช่วงเวลาการฟอร์มทีมชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ ผู้มีอิทธิพล ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นหัวหน้า จวบกระทั่งสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ผ่านไปร่วม 7 เดือน กระทั่งในที่สุดศาลได้อนุมัติหมายจับ นายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ฐานเป็นอั้งยี่ ฯ  กระทำการปกปิด  เพื่อดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย  ดำเนินการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต  จำนวน  83 หมายจับผู้ต้องหา  82  คน

พล.ต.ต.ปวีณ นายตำรวจที่รับราชการในสภ.กะทู้มายาวนาน คือผู้ที่ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มอบหมายให้ทำหน้าที่นี้ เปิดเผยถึงเบื้องหลังการทำคดีนี้ว่า เริ่มลงพื้นที่สืบสวน สอบสวน ตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะแท๊กซี่ป้ายดำ ได้ทำร้ายนักท่องเที่ยว มีการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ ต่างๆ ทำลายภาพลักษณ์ ภูเก็ต ประเทศไทยอย่าง มากมาย  ชุดทำงานฯ จึงได้รับการแต่งตั้งเข้ามาทำงานปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำ

“ผมเคยเป็นผู้กำกับการในพื้นที่  แต่ช่วงนั้นปัญหานี้ยังไม่รุนแรง หลังได้รับมอบหมาย จึงเข้าไปตรวจสอบจากตำรวจในพื้นที่  ไปพบหัวหน้าสถานีและตำรวจในสถานีต่างๆ ในภูเก็ต 7-8 สถานี  ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น  แต่  ไม่สามารถนำมาใช้ได้  เนื่องจากตำรวจภูเก็ตมองไม่เข้าใจปัญหาแท้จริง จึงขอให้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แต่งตั้งตำรวจจากพื้นที่อื่นมาร่วมทำงานด้วยความสมัครใจ  ก็ได้ทีมงาน 14 คน แบ่งการทำงานเป็นชุดสืบสวนภาคสนาม กับพนักงานสอบสวน เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน”

ผู้การปวีณบอกว่า ในช่วงแรก สืบสวนหาพยานหลักฐานค่อนข้างยากมาก  โดยก่อนหน้านั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้ลงมาปฏิบัติการจับกุมแท็กซี่ป้ายดำ 2  คน  แต่ก็ไม่คืบหน้า  ทำให้ทีมงานไม่ค่อยได้รับความเชื่อมั่นจากฝ่ายต่างๆ  การสอบสวนผู้เสียหายที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถูกทำร้าย ก็ทำไม่ได้เพราะกลับประเทศไปแล้ว คงเหลือเพียงบริษัทผู้ประกอบการต่างๆ เท่านั้น

“บางบริษัทเช่นปางช้างมีรถรับนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่างๆ  แต่แท็กซี่เหล่านี้ไม่ยอมให้ไปมีการข่มขู่ทำร้ายร่างกายพนักงานขับรถ ไกด์  ทำลายรถยนต์เสียหาย  แต่ผู้ประกอบการบางส่วนไม่กล้าให้การ เกรงกลัวอิทธิพลมาเฟียแท็กซี่  ไม่เชื่อว่าชุดทำงานจะทำได้สำเร็จ  เนื่องจากเคยมีการปฏิบัติหลายหนและฝังมานาน เป็นปัญหาของชุดทำงานอย่างยิ่ง กว่า 50 บริษัท ต่อว่าด่าตำรวจต่างๆ นานาเสียหายมาก ในที่สุด เมื่อให้ความมั่นใจ แล้ว   เขาจึงกล้ามาให้การ  จึงเรียกพนักงานขับรถ ไกด์ มาสอบสวน  ตำรวจ ต้องให้ความมั่นใจ คุ้มครอง เขา”

หลังจากมีผู้ประกอบการที่เป็นผู้เสียหายให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูล ผู้การปวีณก็สั่งการให้ตรวจสอบคิวรถต่างๆ  มีแท๊กซี่นั่งหน้าโรงแรม  มีพฤติกรรมไกด์ และคนขับรถ  บางคนถูกชกต่อยทำร้ายร่างกายบางแห่งถูกยึดใบงานไม่ให้รับนักท่องเที่ยว บางแห่งรับเนื่องจากยอมจ่ายเงินให้กับคิวแท๊กซี่เหล่านี้ เป็น 400-1,000  บาท บางบริษัท จ่าย เป็น รายเดือน ให้กับนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เช่น จ่ายช่วงไฮซีซั่น 3 หมื่นบาท โลว์ซีซั่น 2 หมื่นบาท

“ลักษณะที่ตรวจสอบพบการกระทำของแท็กซี่นี้ เป็นซุ้มไม้ไผ่ ตั้งหน้า โรงแรม แต่โรงแรมไม่ต้องการ พวกนี้มาจองเวลาก่อสร้างโรงแรม และถือว่าโรงแรมใช้รถของโรงแรมไม่ได้  ถูกบังคับให้ใช้บนริการของแท็กซี่เหล่านี้ ถ้าโรงแรมไม่เชื่อฟังพวกนี้จะปิดโรงแรม และ ปิดสถานีตำรวจหน่วยราชการ ปิดถนน ทำให้คนเดือดร้อนอย่างที่สุด เมื่อมีการแก้ไขส่วนนี้ เขาจะอ้างว่า แท็กซี่เหล่านี้ เป็นการทำกินของประชาชนโดยสุจริต เป็นคนในพื้นที่ ถ้ามีการจับจะปิดถนนและให้ย้ายหัวหน้าสถานีตำรวจ ออกไปทันที สุดท้าย เขาบอกว่าเมื่อปิดถนนแล้วต้องไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มประท้วงปิดถนนอย่างเด็ดขาด และที่ผ่านมา กลุ่มแท็กซี่เหล่านี้ทำไว้ใช้ได้ผล ทำให้ เหิมเกริม จำนวนกลุ่มแท็กซี่ ในภูเก็ต เพิ่ม มากขึ้น โดยเมื่อทำการสอบสวน มีเกือบถึง 300 คิว เกือบ 4 พันคัน เป็นรถส่วนบุคคลนำมารับจ้างแท๊กซี่ป้ายดำ ทำผิดกฎหมาย แต่งกายไม่สุภาพ กิริยามารยาท ไม่เหมาะสม ตั้งคิวหน้าโรงแรมใช้ซุ้มไม้ไผ่ ศาลาผู้โดยสาร เวลาว่างไม่มีแขกจับกลุ่มเล่นการพนัน ไม่สนใจตำรวจ บางครั้งนอนเอาเท้าชี้ใส่ นักท่องเที่ยวทั่วไป เป็นคิวแท็กซี่ แก้ไขไมได้ สร้างความทุเรศ แก่นักท่องเที่ยวพบเห็น”

"ตำรวจแฉ-เปี่ยนโต้"เบื้องหลังคดีมาเฟียป่าตอง พล.ต.ต.ปวีณ

การดำเนินคดีมีความคืบหน้า ก่อนหน้านี้มีการออกหมายจับและแจ้งข้อหา ทีมบริหารเทศบาลตำบลกะรน มี นายกเทศมนตรี รองนายกฯ 2 คน ปลัดเทศบาลฯ และ ผอ.กองช่าง  ฐานความผิด ร่วมกันตั้งแต่ ห้าคนขึ้นไป ข่มขืนใจ ผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอม ต่อสิ่งใด โดยทำให้เกรงกลัว ว่าจะเกิดอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือ ทรัพย์สินเงินของ ผู้อื่น โดยใช้กำลัง ประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอม ต่อสิ่งนั้น ร่วมกันกรรโชก ซ่องโจร แยกสำนวนสอบสวนเป็น 13 คดี ส่งให้อัยการครบ ทั้ง 13 คดีแล้ว นอกจากดำเนินการทางกฎหมายอาญาแล้ว เนื่องจาก ความผิดที่เกี่ยวข้อง เป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน จึงให้ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ตรวจยึดอายัดทรัพย์  ผู้ต้องหาทั้งหมด

ชุดทำงานฯ ได้รับการร้องขอให้ทำในพื้นที่ป่าตองด้วย เนื่องจาก เป็นพื้นที่ มีอิทธิพล มากที่สุด ในภูเก็ต ได้เข้าพื้นที่ป่าตอง สืบหาพยานหลักฐาน มาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูล เริ่มมีมากขึ้น จนกระทั่งพนักงานสอบสวน มั่นใจว่า ข้อมูลหลักฐานเพียงพอ จึง ขออนุมัติออกหมายจับ อดีต นายกเทศมนตรี เมืองป่าตอง นายเปี่ยน กี่สิ้น และบุตรชาย ในความผิด ฐานเป็นอั้งยี่ เป็นคณะบุคคลซึ่ง ตั้งขึ้นมาโดยปกปิดวิธีการดำเนินการเพื่อกระทำการ มิชอบด้วยกฎหมาย เป็นคณะบุคคล กรรมการ เป็นความผิดอุฉกรรจ์ ขึ้นมา

"ได้แบ่ง คดี ในป่าตอง ออกเป็น 4 คดี คือ ปิดถนน เมื่อวันที่ 3-4 มีนาคม 2557 เหตุตำรวจ สภ.กะทู้ ที่จับกุมกลุ่มรถตุ๊กๆที่กระทำผิดขนส่งโดยข่มขู่นักท่องเที่ยว กลุ่มรถตุ๊กๆไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ปิดถนน 7 จุด เพื่อบีบบังคับให้ปล่อยผู้ต้องหาที่ถูกจับไป ผลการปิดถนนครั้งนั้น สร้างความเสี่ยหายแก่ประเทศชาติมหาศาลเนื่องจากช่วงนั้นกลุ่มผู้ประกอบการไปโนรดโชว์ ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน ข่าวดังไปเยอรมัน เอเย่นต์ทัวร์ ไม่มั่นใจ ในการส่งลูกทัวร์เข้ามาไม่เซ็นสัญญานำนักท่องเที่ยวเข้ามา สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท ได้เร่งออกหมายจับผู้ต้องหา 68 คน"

นอกจากนี้ มี คดีที่ สอง เกี่ยวกับ พวกรถแท๊กซี่ข่มขู่นักท่องเที่ยวกรณีบ้านสวนมารีน่าตั้งคิวโครงการนี้ แขกต่างๆ เหล่านี้ต้องถูกบังคับให้ใช้บริการในคิวที่ตั้งหน้าโครงการเท่านั้น ลักษณะทำผิดคล้ายคลึงกับที่จับกุมไป จึงขออนุมัติหมายจับในกลุ่มนี้ จำนวน 9 คน ในความผิดฐาน เสรีภาพ กรรโชก และ ซ่องโจร ซึ่งกลุ่มนี้เชื่อมโยงกับบริษัทพิโซนา ที่ส่งคนมาควบคุมกลุ่มนี้

กลุ่มที่ สาม เป็นผู้ประกอบการรถเช่า ตั้งอยู่ บริเวณ ถนนประชานุเคราะห์ ส่วนนั้น ตั้งบริการรถเช่าใช้ฟุตบาธ สาธารณะที่ตั้ง ชาวบ้านจอดรถหน้าบ้านตัวเองไมได้ กลุ่มรถเช่าเหล่านี้ ขัดขวางยึดถือครอบครองมาตลอด จึงขออนุมัติ ออกหมายจับ ในความผิด ฐานขัดต่อเสรีภาพ กรรโลกทรัพย์ ซ่องโจร ผู้ต้องหา กว่า 10 คน

ชุดสุดท้าย เป็นชุดของนายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กับ ลูกชาย นายปรีชาวุฒิ หรือ ปราบ กี่สิ้น นายปัทวี  กี่สิ้น กับบริวาร ในคดีนี้ ออกหมายจับ จำนวน 9 คน 

“พฤติกรรมของนายเปี่ยน อาศัยความเป็น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง มีระยะเวลานาน ช่วงหลังตั้งแต่ปี 2547 ครองตำแหน่งนี้มาตลอด ระหว่างช่วงที่มีอำนาจอยู่ ได้แผ่อิทธิพลเครือข่ายโยงใยทั้งหมดในกิจการก่อสร้าง ซึ่ง เป็นผู้อนุมัติผิดแบบโครงการต่างๆ มากมาย  รุกล้ำที่สาธารณะ จนกระทั่ง น้ำท่วม ปัจจุบัน มากมาย ผลการกระทำจาก นายเปี่ยน ทั้งสิ้น ในคดีนี้ได้รวบรวมส่งสำนวนให้ ปปช. ตั้งแต่ เมษายน 2557 ในเรื่องกิจกรรมหน้าชายหาด ธุรกิจต่างๆอยู่ในความครอบคลุมโยงใยเครือข่ายของนายเปี่ยน ทั้งสิ้น ธุรกิจก่อสร้าง บันเทิง บาร์เบียร์ อยู่ในการดูแลของนายเปี่ยน  มีการจับจองคิวแท็กซี่หน้าโรงแรมต่างๆ เนื่องจาก เป็นนายกฯป่าตอง จึงทราบว่าจะมีการก่อสร้างโรงแรมที่ใดเพราะมีอำนาจอนุมัติก่อสร้าง จึงให้บุตรชายไปจองคิวแท๊กซี่ โรงแรมนั้น”

พล.ต.ต.ปวีณเปิดเผยอีกแม้แต่การตั้งบริษัทก็กระทำมิชอบ ปกปิดวิธีดำเนินการ โดยตั้งบริษัทขึ้นมาแต่คนเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทฯ นี้ ต้อง เอารถของตัวเองมาขับเอง สิทธิได้รับการขับรถแรกเข้าต้องจ่ายเงิน 5 พันบาทถึง 4 หมื่นบาท ให้กับบริษัทฯนี้ และ จ่ายรายเดือน เดือนละ 450 บาท ค่าเช่าที่จอดรถ จ่ายรายวัน วันละ 50บาท

นี่คือข้อมูลจากการสืบสวนกว่า 7 เดือนของฝ่ายตำรวจ

ด้านนายเปี่ยน หลังได้รับการประกันตัวเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 2 ก.ย. ช่วงบ่ายวันเดียวกันก็ได้เปิดบ้านถนนพระบารมี ต.ป่าตอง แถลงข่าว

“ต้องขอขอบคุณคณะของท่านปวีณ  ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเต็มที่ในช่วงที่อยู่ในการควบคุม  แต่ไม่เข้าใจว่า อั่งยี่ คืออะไร การกล่าวหาดังกล่าวตั้งแต่เดือนมีนาคม 2548 เป็นเวลา 9 ปี ในฐานะผมเป็นคนที่นี่ อาศัยอยู่ที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน ทำไม่ไม่มีการเรียกหรือเชิญไปให้ข้อมูลหรือสอบสวนก่อน แต่กลับมีหมายจับออกมาเลย ซึ่งก็อยากพูดในเชิงน้อยใจ ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองท้องที่ จึงมีผู้คนเข้าออกตลอดเวลา จึงอาจถูกมองได้ว่าเป็นอั่งยี่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ในส่วนของธุรกิจที่โอนให้กับบุตรดำเนินการต่อนั้นตนก็เชื่อว่าทุกคนทำมาหากินด้วยความสุจริตธรรม “

ประเด็นสำคัญที่ถุกดำเนินคดี อดีตนายกฯเปี่ยนเชื่อว่า เกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากกว่า ส่วนเรื่องบริษัทได้โอนธุรกิจทั้งหมดให้กับลูกหลาน มีการขยายเครือในภายหลัง การขยายกิจการก็มาจากการกู้เงิน  หากหลักฐานไปถึงศาลก็พร้อมยอมรับทั้งหมด และขอต่อสู้ตามที่มีเอกสารและหลักฐานที่นำไปใช้แก้ต่าง  ส่วนกรณีเอกสารที่มีการเก็บส่วยของแก้ต่างว่าไม่เคยกระทำ และไม่จำเป็นต้องกระทำด้วย  มีแต่จะให้บริการในการจัดการท้องถิ่น มีแต่เสียสละอย่างเดียว และตั้งแต่ดำรงตำแหน่งไม่เคยใช้น้ำมันรถ หรือโทรศัพท์หรือเครื่องมือของหลวง

ขณะที่ นิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายความ กล่าวว่า ข้อหาที่ตั้งมานั้นเป็นการดิสเครดิตทางด้านการเงิน โดยมุ่งไปที่การหารายได้ไม่ชอบ แต่คดีนี้ตำรวจไม่ใช่ตัวจริง แต่ตัวจริง คือ สรรพากร กับ ปปง. แต่ ลักษณะเช่นนี้ไม่ควรถึง ปปง. หรือสรรพากร เพราะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย อาจจะมีนายตำรวจบางนายไปรู้เห็นกับพรรคการเมืองบางพรรค ไม่ต้องการให้ทางนี้เติบโตขึ้นมา จึงมุ่งเป้าตัดฐานอำนาจทางการเงินเพื่อไม่ให้เติบโต

ด้านปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือปราบ บุตรชายคนโตของนายกเปี่ยนก็บอกว่า  เอกสารที่ระบุว่ามีการเรียกเก็บเงินนั้น ความจริงแล้วเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการทำวิจัย โดยได้มีการศึกษาข้อมูลของทุกอาชีพที่ป่าตอง โดยตนทำเรื่องของการจัดการตนเอง ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลของทุกกลุ่มอาชีพ

นี่คือข้อมูลอีกด้าน จากปากคำของผู้ตกเป็นผู้ต้องหา

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน