รับจ้างทำการบ้านภัยร้าย "บั่นทอน" คุณภาพเด็กไทย

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

หากค้นหัวข้อ “รับทำการบ้าน” ในสื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก แชตไลน์ อินสตาแกรม หรือกูเกิล ผลลัพธ์ที่ได้คือรายชื่อ ทั้งบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่ประกาศตัวรับจ้างทำการบ้านในเชิงธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก

ธุรกิจรับทำการบ้านนั้น ขยายจากการรับทำรายงานในบางวิชา มาเป็นการรับครอบคลุมทุกรายวิชา ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เช่น รับแก้โจทย์คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย รับแต่งกลอน ถอดคำประพันธ์จากร้อยกรองเป็นร้อยแก้ว เขียนเรียงความ กระทั่งรับจดงานในสมุด ขณะที่วิชาปฏิบัติ เช่น รับเขียนรูปลงสี รับประดิดประดอยจากวัสดุต่างๆ รูปแบบ มีภาพตัวอย่างประกอบการพิจารณา บางรายระบุด้วยว่า การบ้านทั่วไปเริ่มต้นที่ราคา 50 บาท คิดราคาตามความยากง่าย รับงานทั่วประเทศไม่จำกัดพื้นที่ ส่งมอบงานผ่านไปรษณีย์ด่วนอีเอ็มเอส

ผู้ปกครองรายหนึ่งเล่าว่า เคยพบเห็นธุรกิจนี้ในญี่ปุ่น แต่จะรับเฉพาะการบ้านที่เป็นงานฝีมือหรืองานหัตถกรรม และส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะสมัครใจใช้บริการ เนื่องจากต้องการแบ่งเบาภาระการเรียนของบุตรที่กำลังเรียนในชั้นปีสูงๆ และต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันอย่างเข้มข้นเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ

สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้มอบให้สำนักนิติการ (สน.) ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อตรวจสอบสื่อออนไลน์ทุกประเภท ที่มีการเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำการบ้าน ว่ารับทำจริงหรือไม่ เพราะปัจจุบันข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ มีทั้งจริงและไม่จริง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ พร้อมกับมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ตรวจสอบว่าใครเป็นคนรับจ้างทำการบ้าน หากพบว่าเป็นครู จะต้องมีการเอาผิดทางวินัย เพราะถือเป็นการทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู แต่หากเป็นคนที่ไม่ใช่ครู ก็คงต้องให้ สน.ไปพิจารณาว่าผิดข้อกฎหมายใดๆ หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เป็นการกระทำผิดทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมแน่นอน

“การเปิดธุรกิจรับจ้างทำการบ้าน ถือเป็นการทำลายระบบการศึกษาของชาติและเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา แม้ในต่างประเทศจะมี แต่ยืนยันว่าไทยไม่สมควรจะมีธุรกิจดังกล่าว เพราะแค่การที่เด็กมีพฤติกรรม CopyPaste ก็แย่อยู่แล้ว” สุทธศรี กล่าว

ปลัด ศธ. ย้ำอีกว่า แม้โลกปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น แต่ควรส่งเสริมคนให้รู้ว่าแม้จะเป็นธุรกิจที่ทำให้ได้เงิน แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีจิตสำนึกด้วย ซึ่งการรับจ้างทำการบ้านทำให้เด็กไม่ได้รับการพัฒนา ถือเป็นการกระทำที่ไม่ช่วยเหลือสังคม

ไพรวัลย์ พิทักษ์สาลี ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นไปตามกระแสสังคม ที่ปัจจุบันมีการจ้างทำผลงานทางวิชาการครู รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทและเอก และน่าจะลามมาถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ทั้งนี้ เท่าที่วิเคราะห์จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต น่าจะเป็นนักเรียนระดับมัธยมคึกษาที่รับจ้างกันเอง ซึ่งก่อนนี้ที่ยังไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจจะเป็นการรับจ้างติดต่อกันทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นการทำลายการศึกษาอย่างมาก เพราะคนที่จ้างทำการบ้านก็จะไม่ได้ความรู้

ไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า จะเสนอให้เลขาธิการ สพฐ. ทำหนังสือย้ำเตือนไปยังเขตพื้นที่การศึกษา กำชับให้ครูให้การบ้านอย่างสมเหตุผล ไม่ยากและมากเกินไป

ขณะที่ สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสะท้อนปัญหาของระบบการศึกษาของเด็กไทย ที่ขณะนี้ชีวิตการเรียนรู้ของเด็กเน้นเรื่องวิชาการมากเกินไป ส่งผลให้เกิดสภาวะความเป็นธรรมชาติของเด็กลดน้อยลงไป มีทั้งการเรียนในเวลาปกติ เรียนพิเศษ หลังจากนั้นยังต้องมาทำการบ้านที่ได้รับมาอีก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน

ทั้งนี้ ศธ.ควรลดเวลาเรียนของเด็ก ต้องเตรียมการให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพาเด็กทำกิจกรรมในช่วงเวลาเรียนหรือการบ้านที่ลดลง ต้องหากิจกรรมที่เป็นเชิงคิดวิเคราะห์หรืออะไรต่างๆ ที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการและใฝ่เรียนรู้ เพื่อตอบคำถามให้ผู้ปกครองและเด็กได้ว่าลดเวลาเรียนลงแล้วเวลาที่เหลือจะมีกิจกรรมอะไรให้ทำ เพราะถ้าหากไม่มีการเตรียมการที่ดี เด็กอาจจะหันไปทำกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้น