posttoday

อุทธรณ์ลดโทษ"เชาวรินทร์"หลอกสร้างจตุคามเหลือคุก12เดือน

14 สิงหาคม 2557

ศาลอุทธรณ์ แก้โทษ รตท.เชาวรินทร์ หลอกสร้างจตุคาม คงจำคุก 12 เดือน ชี้ ไม่เกิดความเสียหายในวงกว้าง และชดใช้ค่าเสียหายแล้ว

ศาลอุทธรณ์ แก้โทษ รตท.เชาวรินทร์ หลอกสร้างจตุคาม คงจำคุก 12 เดือน ชี้ ไม่เกิดความเสียหายในวงกว้าง และชดใช้ค่าเสียหายแล้ว

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เวลา 9.30 น.ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2084/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา6เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ หรือเชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ฉายา“โกโบริน”อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา341และ343

ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่27มิ.ย.55บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่1พ.ค.-30มิ.ย.50จำเลยหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงที่ควรบอกแก่ประชาชน โดยจำเลยจัดทำแผ่นพับโฆษณา ประกาศลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่16มิ.ย.50เชิญชวนให้ประชาชน สั่งจองและซื้อวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น“ ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา ”ซึ่งจำเลยเป็นประธานกรรมการจัดสร้าง โดยอ้างว่าได้ปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นเท็จเพราะความจริงแล้วไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ทำให้มี ร.ต.นพดล เดชาฤทธิ์ ผู้เสียหาย จ่ายเงินจำนวน1,791บาท และนายสุริยาวุธ มีบุญมาก ผู้เสียหาย จ่ายเงินจำนวน1,194บาท ให้แก่จำเลย เหตุเกิดที่ แขวงบรมมหาราชวัง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร จ.ราชบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ชั้นพิจารณาของศาล จำเลยให้การรับสารภาพ

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.56 ให้จำคุก 3 ปี จำเลย ตาม ม.343วรรคแรก ฐานฉ้อโกงประชาชน ขณะที่จำเลยรับสารภาพ มีเหตุลดโทษให้1ใน3คงจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วไม่มีเหตุให้รอการลงโทษจำเลย

ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษสถานเบา และให้รอการลงโทษ ซึ่งระหว่างอุทธรณ์จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกัน200,000บาท

ขณะที่ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นประธานกรรมการจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “ ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา ” ซึ่งอ้างว่าได้ปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และศาลหลักเมือง โดยการประกาศข้อความดังกล่าวทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า วัตถุมงคลที่จำเลยจัดสร้างปลูกเสกนั้นเป็นความจริง ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความศรัทธา ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง พฤติการณ์ของจำเลย จึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงต่อสังคม ที่ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว ไม่มีเหตุให้ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า แม้การกระทำจำเลยจะไม่สมควรอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคุณวุฒิและวัยวุฒิของจำเลย แต่การกระทำนั้นไม่ปรากฏความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งตามฟ้องมีผู้เสียหายเพียง2รายเท่านั้นที่สูญเสียเงินรายละกว่า 1,000 บาทโดยจำเลยก็ได้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายแล้ว ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก3ปี นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าหนักเกินไป จึงเห็นควรแก้โทษให้เหมาะสม อุทธรณ์ของจำเลยประเด็นนี้ฟังขึ้นบางส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิด ตาม ม.343 ให้จำคุก1ปี 6 เดือน แต่คำรับสารภาพของจำเลย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน3คงเหลือจำคุก1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ร.ต.ท.เชาวริน จำเลย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว