สี่แผ่นดิน
ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่องสี่แผ่นดินจบเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วจำไม่ได้ เพราะอ่านมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมุดรั้วบ้านเข้าไปอ่านหนังสือเรื่องนี้ในบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าคนหนึ่ง ซึ่งท่านก็โปรดทรงเมตตาอนุญาตให้หยิบหนังสือของท่านไปอ่านได้ตามสบาย เพราะเห็นว่าผมเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือเลยได้อ่านหนังสือวรรณคดีไทยเกือบทุกเรื่อง รวมทั้งหนังสือนวนิยายอมตะเล่มนี้ แต่บอกได้เลยว่ายิ่งอ่านซ้ำหลายๆ ครั้งเข้า และอายุมากขึ้นยิ่งอ่านสนุกได้อรรถรสมากขึ้นทุกครั้ง
ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่องสี่แผ่นดินจบเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วจำไม่ได้ เพราะอ่านมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมุดรั้วบ้านเข้าไปอ่านหนังสือเรื่องนี้ในบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าคนหนึ่ง ซึ่งท่านก็โปรดทรงเมตตาอนุญาตให้หยิบหนังสือของท่านไปอ่านได้ตามสบาย เพราะเห็นว่าผมเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือเลยได้อ่านหนังสือวรรณคดีไทยเกือบทุกเรื่อง รวมทั้งหนังสือนวนิยายอมตะเล่มนี้ แต่บอกได้เลยว่ายิ่งอ่านซ้ำหลายๆ ครั้งเข้า และอายุมากขึ้นยิ่งอ่านสนุกได้อรรถรสมากขึ้นทุกครั้ง
หนังสือฉบับนี้กล่าวถึงชีวิตของแม่พลอยหรือคุณหญิงพลอยตั้งแต่เกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงอนิจกรรมหลังสวรรคตรัชกาลที่ 8 รวม4 รัชกาล อันเป็นที่มาของชื่อนวนิยายเรื่องนี้ สำหรับบทความวันนี้ขอหยิบเอาปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองในสมัยรัชกาลที่ 7 มาเล่าสู่กันฟัง
กล่าวคือ สมัยต้นรัชกาลที่ 7 เศรษฐกิจของประเทศเกิดภาวะเงินฝืดอย่างรุนแรง เป็นผลมาจากการใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อในสมัยรัชกาลก่อนหน้านั้น ซึ่งท่านผู้ประพันธ์ได้เขียนไว้ว่า “การแต่งกายในสมัยนั้นก็ดี การกินอยู่อย่างฟุ่มเฟือย การใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อ ตลอดจนการประกวดประชันแข่งดี ตามคำพ่อเพิ่มว่า เป็นสัญลักษณ์ของยุคที่บริบูรณ์ เป็นเครื่องหมายว่าทุกคนในสมัยนั้นอาศัยความสมบูรณ์พูนสุขของบ้านเมืองอันเป็นผลของการกระทำในยุคก่อน ได้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างสุขกายสบายใจ ปราศจากปัญหา ปราศจากความข้องใจและด้วยความรู้สึกอันแน่นอนปราศจากความวิตกถึงอนาคต
ผมอ่านแล้วให้รู้สึกสะกิดใจว่าการใช้ชีวิตของคนไทยในยุครัชกาลที่ 6 ตามที่ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ได้เขียนไว้ในนวนิยายทำไมช่างละม้ายคล้ายคลึงกับคนในยุคนี้ ที่คนรวยก็อวดร่ำอวดรวยกัน คนจนที่ว่าไม่มีจะกินก็ยังอุตส่าห์หาเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้ คนชั้นกลางกินเงินเดือนก็ตะเกียกตะกายก่อหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เพราะความอยากมีอยากได้ เพื่อยกระดับการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ให้เหมือนคนรวย “ใช้ชีวิตประจำวันอย่างสุขกายสบายใจ ปราศจากปัญหา ปราศจากความข้องใจ และความรู้สึกอันแน่นอน ปราศจากความวิตกถึงอนาคต” อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ว่า
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องสี่แผ่นดิน การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยของคนในยุครัชกาลที่ 6 ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจในสมัยต้นรัชกาลที่ 7 จนต้องปลดข้าราชการออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ บรรยายไว้ว่า ความจำเป็นที่ต้องปลดข้าราชการนั้น ก็เพื่อทำงบประมาณแผ่นดินให้เข้าสู่ “ดุลภาพ” เพราะขณะนี้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่าเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลเก็บภาษีอากรไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน จึงต้องตัดรายจ่ายลงไป... คำอธิบายที่ว่าเงินแผ่นดินฝืดเคือง ไม่มีพอจับจ่ายใช้สอยนั้น ยิ่งทำให้พลอยงงงวยมืดแปดด้านทีเดียว เพราะทรัพย์สมบัติเงินทองในสิบสองห้องพระคลังนั้น พลอยเชื่อว่ามากมายสุดที่จะประมาณ จะหายไปไหนได้หมด ยิ่งเดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้เงินพดด้วงอย่างแต่ก่อน เพียงแต่พิมพ์เงินกระดาษที่เรียกว่าแบงก์ขึ้นใช้ ก็ซื้อข้าวของได้เท่ากัน พลอยไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนท่านจึงไม่พิมพ์แบงก์ขึ้นมากๆ ซึ่งดูจะเป็นของที่ทำได้ง่าย
ความจริง ถ้าแม่พลอยยังมีชีวิตอยู่ถึง 5 แผ่นดินวันนี้ แม่พลอยจะได้คำตอบอย่างกระจ่าง
เรื่องแรก ถ้ารัฐบาลเก็บภาษีอากรไม่ได้มากเหมือนก่อน แทนที่จะลดรายจ่ายลง โดย “การดุล” หรือลดจำนวนข้าราชการลง ก็ให้ขึ้นเงินเดือนข้าราชการเสียเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ข้าราชการทำงานให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของประเทศก่อนเข้าสู่อาเชียนในปี 2015 แค่นี้ข้าราชการก็มีความสุข ไม่เหมือนคุณเปรมสามีแม่พลอย ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าคุณดูแลกรมมหาดเล็กในสมัยนั้น ที่ตัดสินใจลาออกจากราชการเอง เพื่อลดรายจ่ายของกรม
ส่วนที่แม่พลอยเชื่อว่าเงินทองในท้องพระคลังมากมายสุดที่จะประมาณจะหายไปไหนได้หมด เพียงแค่พิมพ์แบงก์ออกมาใช้ก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองได้ง่ายๆ ไม่น่าจะมีปัญหานั้นก็ถูกของแม่พลอยอีก เพราะสมัยนี้อย่างน้อยก็มีเงินตราต่างประเทศเก็บไว้รอให้ใช้ที่พระคลังมหาสมบัติที่วังบางขุนพรหมอีกสองแสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐ ถึงคราวจำเป็นก็ดึงออกไปใช้ได้ แค่แก้กฎหมายไม่กี่มาตราเท่านั้น
นอกจากนั้น การที่รัฐบาลมีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายหรือที่เรียกว่าขาดดุลงบประมาณนั้น แทนที่จะมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลทำงบประมาณให้ “ดุลภาพ” อย่างในสี่แผ่นดิน สมัยนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป มีแต่เสียงเรียกร้องให้รัฐบาลทำงบประมาณขาดดุล... ขาดดุล... ขาดดุล... เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อีกเรื่องหนึ่งแม่พลอยก็ถูกอีก เพราะรัฐบาลสมัยแผ่นดินที่ 5 ในยุคนี้ แม้จะไม่ถึงขนาดพิมพ์แบงก์ขึ้นมาใช้อย่างที่แม่พลอยคิด แค่กู้เงินมาใช้ปีละ 23 แสนล้านบาท 78 ปี ก็แก้ไขปัญหา “ดุลภาพ” ได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากพิมพ์แบงก์เท่าไร เพราะเป็นวิธีเอารายได้ของวันข้างหน้ามาใช้จ่ายวันนี้ เป็นเรื่องที่ทำง่ายไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย จึงเป็นที่พอเชื่อได้ว่า ทรัพย์สมบัติเงินทองของแผ่นดินในท้องพระคลังนั้นมากมายสุดประมาณจะหายไปไหนได้หมด จริงตามที่แม่พลอยคิดทุกประการใช่ไหมครับ
สรุปแล้วต้องถือว่าแม่พลอยนั้น นอกจากจะเป็นกุลสตรีชาววังที่สวยงามด้วยรูปและงดงามด้วยน้ำใจ เป็นภรรยาที่ดีของคุณเปรมและเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ แล้ว ยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ด้วย เพราะได้คิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองได้ก่อนฝรั่งอย่างแซมมวลสันจะเกิด ซึ่งแม่พลอยก็ไม่เคยเรียนทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ที่ไหน ที่สอนว่ายิ่งขาดดุลยิ่งต้องสร้างหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต ส่วนจะโตแบบแข็งแรงได้สัดส่วนแบบนักกีฬา หรือโตแต่หัวตัวขาลีบ เคนส์ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะเข้ามารับผิดชอบด้วย ประเด็นนี้ถือว่าแม่พลอยเกิดมาล้ำยุคจริงๆ
สำหรับประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศในยุโรปและอเมริกาที่ได้เป็นสาวกของทฤษฎีสร้างหนี้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจนั้น คงเชื่อได้ว่านักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ และข้าราชการฝรั่งพวกนั้น คงเรียนรู้ทฤษฎีก่อหนี้สร้างรายได้ไม่ลึกซึ้งเพียงพอ ถึงทำให้ประเทศล่มจมใช้หนี้ไม่ได้ แก้แล้วแก้อีกไม่หลุดจากบ่วงกรรมที่ทำไว้ และถึงขนาดทำสงครามกับประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษ เช่น อาร์เจนตินา ที่เพิ่งเบี้ยวหนี้ที่กู้มาอีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ และมีวี่แววว่าโรคเบี้ยวหนี้อาจจะระบาดต่อถึงประเทศที่ใหญ่กว่าทุกด้านใกล้เคียงกัน คือ บราซิล ด้วย เป็นต้น
ก่อนจะจบบทความนี้ ก็ต้องเล่าต่อให้สมบูรณ์ว่าเหตุการณ์ในเรื่องสี่แผ่นดินมีอะไรคล้ายคลึงกับปัจจุบันอีกเรื่องหนึ่ง คือเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจหนักขึ้น ก็จะมีคนบอกว่า การแก้ไขปัญหาไม่ยากเย็นอะไร ซึ่งในเรื่องนี้สะท้อนจากบทสนทนาระหว่างลูกชายของแม่พลอยสองคนดังนี้ “อย่างพี่อั้นนี้พอจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ไหม?” ตาอ๊อดชักสนุก “ทำไมจะไม่ได้ ไม่เห็นจะยากอะไรเลย” ตาอั้นตอบเสียงขุ่นๆ “แก้ยังไง ไหนว่ามาให้เราฟังทีรึ? ตาอ๊อดซักต่อ “ปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่การปกครองเป็นหลักใหญ่... ปัญหาเศรษฐกิจทุกวันเป็นปัญหาปัจจุบันจะแก้ได้ด้วยการปกครองแผนปัจจุบัน... ถ้าจะให้แก้ปัญหาอื่นๆ ให้สำเร็จก็ต้องแก้ที่การปกครองก่อนให้ถูกเวลาเหมือนคนอื่นเขา คนอื่นที่เขาดีมีความสามารถจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานให้แก่บ้านเมืองได้”
“พี่อั้นเป็นเอามาก” ตาอ๊อดพูดเบาๆ และชวนคุยเรื่องอื่น
สิ่งที่ตาอั้นและตาอ๊อดลูกแม่พลอยสนทนากันความจริงก็เหมือนที่พูดกันตอนนี้ว่า ประเทศนี้ต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ จะแก้ไขปัญหาที่หมักหมมได้
แต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยุคนี้ง่ายนิดเดียว พอรัฐประหารเสร็จชั่วข้ามคืนภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นทุกด้านทันตาเห็น ทำให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอย่างสุขกายสบายใจ ปราศจากปัญหา ปราศจากความข้องใจ และด้วยความรู้สึกอันแน่นอน ปราศจากความวิตกถึงอนาคตได้อีกครั้งหนึ่ง


