posttoday

โหรทำนายไฟไหม้ประเทศ

29 พฤษภาคม 2553

เหตุการณ์ในภาพรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของทหารและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ขณะเดียวกันความขัดแย้งก็ยังคุกรุ่นอยู่

เหตุการณ์ในภาพรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของทหารและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ขณะเดียวกันความขัดแย้งก็ยังคุกรุ่นอยู่

โดย – อาทิตย์ เคนมี

ยามที่มนุษย์ตกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง-มืดมน-จนตรอก-ไร้ทางออก หลายคนต้องหันหน้าไปพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ

เหมือนหลายครั้งที่ประเทศไทยตกอยู่ในความยากลำบากจากวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มักจะมีผู้คนออกมาประกอบพิธีกรรมทั้งทางศาสนาและทางไสยศาสตร์ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล บ้างว่าเพื่อเป็นการเสริมดวงชะตาของบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ บ้างว่าเพื่อเป็นการชำระล้างบาปที่คนในชาติได้ร่วมกันก่อไว้

เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังประเทศผ่านพ้นวิกฤตจลาจลมาได้ไม่นาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็สวมบทพ่อพระนักบุญ เป็นเจ้าพิธีจัดงานบุญฟื้นฟูเมืองครั้งใหญ่ โดยมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 5 ศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ เพื่อลบล้างสิ่งเลวร้ายในอดีต

โหรทำนายไฟไหม้ประเทศ พระราชครูวามเทพมุนี

อาจารย์ภิญโญ พงษ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า การจัดงานบุญที่ผ่านมาแม้จะสามารถเรียกขวัญและกำลังใจของประชาชนกลับคืนมาได้ แต่ในทางโหราศาสตร์ยังมีอีกหลายสิ่งที่คนไทยพึงต้องระมัดระวังให้มาก เนื่องจากอิทธิพลของดวงดาวสำคัญอย่างดาวมฤตยู ดาวราหู ที่ยังตรึงชะตาเมืองอยู่ และต้องอาศัยเวลานานนับปีกว่าที่จะพ้นวงโคจร ซึ่งแสดงถึงความขัดแย้งที่ยังดำรงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ขณะเดียวกันยังมีอิทธิพลของดวงดาวขนาดกลางคือ ดาวอังคาร ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองและเป็นดวงดาวแห่งสงครามกำลังเคลื่อนที่ไปทับราศีกรกฎ พยากรณ์ได้ว่าแม้เหตุการณ์ในภาพรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของทหารและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ขณะเดียวกันความขัดแย้งก็ยังคุกรุ่นอยู่ ฉะนั้นจึงยังไม่อาจวางใจสถานการณ์ได้

“ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. จนถึงปลายเดือน ส.ค. ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวดในเรื่องของอัคคีภัย โดยเฉพาะสถานที่ราชการ สถานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเกษตร ท่าอากาศยาน ซึ่งปัญหาทางการเมืองอาจจะมีความรุนแรงและเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้นได้อีก” โหรภิญโญ กล่าว

นอกจากนี้ ช่วงวันที่ 12 ก.ค. ยังเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคราเต็มดวง ซึ่งตรงกับราศีเมถุน จะมีอุบัติเหตุเพศภัยร้ายแรงที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟ จึงขอเตือนให้ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ภิญโญ กล่าวว่า ผลจากการจัดงานบุญ 5 ศาสนา จะช่วยสร้างกุศลกรรมอันดีแก่ประเทศชาติได้ ดังเห็นได้จากความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งจะเป็นพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวต่อไปข้างหน้า

“การทำบุญทำกุศลย่อมส่งผลต่อจิตใจโดยตรง เมื่อจิตสงบก็จะเกิดสติ รู้จักคิดก่อนที่จะลงมือทำ ไม่ตกอยู่ในโลภะ โทสะ โมหะ ทำให้สามารถลดความชั่วร้ายรุนแรงหรือพฤติรรมก้าวร้าวลงได้” อาจารย์ภิญโญ กล่าว

นายกสมาคมโหรฯ กล่าวอีกว่า อำนาจของคุณความดีที่จะเกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ทำเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายจึงจะสัมฤทธิ์ผล หากสามารถลดเงื่อนไขอันเป็นเหตุปัจจัยของปัญหาได้แล้วก็ย่อมส่งผลดีต่ออนาคตด้วยเช่นกัน

ขณะที่พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ กล่าวว่า ตามคติพราหมณ์เชื่อว่า การทำกุศลจิตเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสันติต้องเริ่มต้นที่จิตใจของตนเองก่อน จึงจะแผ่อานิสงส์ไปยังสังคมและประเทศชาติต่อไป

พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า การจัดพิธีทำบุญ 5 ศาสนา ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสามัคคีปรองดอง หากทุกคนหมั่นทำความดีอย่างสม่ำเสมอก็จะส่งผลให้ประเทศเจริญก้าวหน้าในทางที่ดีขึ้น

“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำทำนายหรือคำพยากรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่กุศลบุญจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ จึงจะช่วยขจัดปัดเป่าปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ของบ้านเมืองให้คลี่คลายลงได้” พระราชครูฯ กล่าว

หัวหน้าคณะพราหมณ์ กล่าวด้วยว่า สัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะกลับมาสงบสันติได้อีกครั้งก็คือ การที่ประชาชนทุกภาคส่วนแสดงความห่วงใยต่อบ้านเมืองและหันมาช่วยกันคิดช่วยกันหาทางออก ซึ่งจะช่วยให้ผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายไปได้

“เมื่อทุกคนเกิดความรู้สึกห่วงใยประเทศ ก็จะทำให้ตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท การประพฤติปฏิบัติใดๆ ก็จะเกิดสติ แม้แต่ละคนจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในสังคม แต่หากช่วยกันปลูกต้นไม้แห่งความดีลงในจิตใจ ความดีนั้นก็จะแผ่ไพศาลไปถึงลูกหลานในวันข้างหน้า” พระราชครูฯ กล่าว

ด้าน น.ส.นพรัตน์ ทิพยพรอนันต์ วัย 45 ปี ครูสอนศาสนากลุ่มคริสจักรยุคพระคุณ หนึ่งในผู้เข้าร่วมพิธีทำบุญเมือง ระบุว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวคริสเตียนเกิดความตระหนักถึงภัยพิบัติชาติที่นับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยร่วมกันสวดอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าให้ช่วยปัดเป่ามารร้ายออกจากจิตใจคน รวมทั้งมีการบำเพ็ญเพียรด้วยการอดอาหารเพื่อขอให้พรสัมฤทธิ์ผล

“ชาวคริสเตียนเชื่อว่าวิกฤตการณ์ในประเทศไทยเกิดจากความมุ่งร้ายของมารซาตานที่ยุยงให้คนไทยแตกแยก สร้างความเกลียดชัง ทำร้ายกันเอง และเวรกรรมส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเนื้อร้ายที่เกาะกินสังคมไทยมาโดยตลอด มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็นและพระองค์จะเป็นผู้เปิดดวงตาให้คนไทยได้เห็นความจริง” เธอกล่าว

งานบุญ 5 ศาสนาที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป้าหมายหลักไม่ใช่เป็นเพียงการสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยดลบันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์เท่านั้น แต่เป็นกระตุ้นให้ประชาชนทุกศาสนิกเกิดความตื่นตัวในการร่วมกันแสดงพลังสามัคคี สร้างจิตสำนึกในการอุทิศตนทำความดีเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม และเป็นจุดเริ่มต้นสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย

แม้พิธีกรรมทั้งหลายอาจไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นผลทันตาคือ ความอิ่มเอิบ-เบิกบาน-โปร่งเบา และคลายความทุกข์ร้อนในใจลงได้ไม่มากก็น้อย

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา