คสช.ชวนชิม-พณ.กดไลค์"นายอู๋"ข้าวแกง
เปิดร้าน "นายอู๋ ข้าวแกง สามย่าน" ต้นแบบร้านในโครงการ "ร้านอาหาร ถูก ดี อร่อย สะอาด" ของ คสช. และ กระทรวงพาณิชย์
โดย...นรินทร์ ใจหวัง
วันที่ 8 ส.ค.นี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ กระทรวงพาณิชย์ จะร่วมเปิดตัวโครงการ "ร้านอาหารราคาถูก ดี อร่อย สะอาด" ที่มีอาหารกว่า10เมนู ราคาเริ่มตั้งแต่ 25-35 บาท เพื่อเป็นการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยมีร้านอาหารที่สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 300 ร้านค้า โดยผู้จัดตั้งเป้าเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000ร้านค้าทั่ว กทม.
หนึ่งในร้านนำร่องที่เข้าร่วมโครงการที่ถูกกระทรวงพาณิชย์ยกให้เป็น "ร้านต้นแบบ" ก็คือ "ร้านนายอู๋ ข้าวแกง สามย่าน" ที่ตั้งอยู่บริเวณ ซอยจุฬา11
ร้านนี้เปิดให้บริการจันทร์-เสาร์ตั้งแต่เวลา 6.00-20.30 น. มีลูกค้าตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา และผู้คนหลากหลายอาชีพมานั่งรับประทานตลอดทั้งวัน แถมยังติดเครื่องปรับอากาศให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานอย่างเย็นสบาย
บุญช่วย เทิดทูลกิติกุล ชายสูงวัยรูปร่างเล็ก เจ้าของร้านข้าวแกงนายอู๋ เปิดเผยว่า ทางร้านถือคอนเซปต์ขายข้าวแกงราคาถูกแบบนี้มากว่า 20 ปี โดยย้ายมาเปิดร้านบริเวณปัจจุบันได้6 ปีแล้ว ก็ยังคงคอนเซปต์เดิมคืออาหารอร่อยราคาถูก
"ทางกระทรวงพาณิชย์เขาคงเห็นว่าร้านเราเข้าข่ายกับโครงการ เพราะลูกค้าก็ค่อนข้างเยอะ เขาก็เข้ามาขอความร่วมมือ โดยขอให้เป็นร้านต้นแบบ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย มีโอกาสเข้ามาใช้บริการได้ โดยทางร้านจะมีรายการอาหารให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 50 รายการต่อวัน"
บุญช่วยกล่าวว่า รู้สึกยินดี และภูมิใจมากที่ได้เข้าร่วมโครงการ ความโด่ดเด่นของร้านจะเป็นเรื่องของรสชาติ และราคาที่ไม่แพง เว้นเสียแต่ว่าลูกค้าจะสั่งเมนูพิเศษ โดยราคาถูกสุดที่ร้าน คือ ข้าวราดอย่างเดียวราคา 20 บาท ก็ทานได้แล้ว ส่วนกับข้าวถ้าเป็นประเภท หมู ไก่ อาหารทะเล กุ้ง ปลาหมึก ราคา 30 บาท แพงสุด อย่างปลาทะเล ชิ้นละ 80-150 แล้วแต่ขนาดว่าชิ้นเล็กใหญ่
"วันหนึ่งๆ เราทำเมนูมากกว่า50 อย่าง บางเมนูก็ทำหลายๆ รอบ อย่างเช่น ไก่ผัดเม็ดมะม่วงที่ทำมากกว่า 4 ถาดต่อวัน พะแนงหมูกับผัดเผ็ดปลาดุกทำมากกว่า 3 รอบต่อวัน"
จากการสำรวจเมนูอาหาร พบว่าข้าวราดแกง ถ้าเป็นผัดผักที่ไม่มีเนื้อสัตว์ราดข้าวอย่างเดียว ราคา 20 บาท ถ้ามีเนื้อหมู ไก่ กุ้ง 2 อย่าง 30 บาท หรือบางอย่างที่มีเนื้อมากอย่างแพนงหมู กับผัดผักราคา 35 บาท น้ำดื่มขวดแก้วขวดละ5 บาท ขวดพลาสติกราคา 8 บาท นอกจากนี้ยังมีขนมหวานราคาถูกให้เลือกรับประทานด้วย เรียกได้ว่าพกเงินไป 30 บาท ก็สามารถอิ่มได้หนึ่งมื้อ
เมื่อถามว่าขายราคานี้ได้กำไรเท่าไหร่ เจ้าของร้านตอบทันควันว่า เรื่องกำไรเป็นคอนเซปต์ตั้งแต่สมัยพ่อเลย พ่อบอกว่า อย่าขายของเอากำไรเยอะ แต่ให้ขายของถูกกำไรน้อย แต่ขายได้เยอะมันก็คุ้ม ลูกค้าก็โอเค ขาย 20 บาท ลูกค้ากิน 2 จาน เราได้กำไร 10 บาทแม้จะได้น้อยแต่ก็ดีทั้ง2ฝ่าย
"ลูกค้าได้มาทานแล้วเขาพอใจในบริการหรือรสชาติอาหาร แล้วนำไปบอกต่อกันเรื่อยๆ ระยะหลังนี้เรามีเฟชบุ๊ก เราก็จะบอกลูกค้าว่าถ้าอร่อย ให้ช่วยกดไลค์ด้วยนะครับ ลูกค้าที่ร้านมีทุกกลุ่มคนอยู่แล้ว คือคนทำงาน ผู้มีรายได้น้อย นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย อาจารย์สาธิตจุฬาฯ พนักงานออฟฟิศ หลังจากเข้าร่วมโครงการก็หวังว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก"
ในส่วนความความช่วยเหลือเมื่อเข้าร่วมโครงการ เจ้าของร้านนายอู๋บอกว่า ทางรัฐจะช่วยให้ซื้อวัตถุดิบในราคาที่ถูกว่าที่อื่นโดยซื้อจากร้านที่เข้าร่วมกับโครงการอีกที เช่น ข้าวสาร น้ำตาลทราย แก๊ส เครื่องปรุงรส ไข่ไก่ ไข่เป็ด น้ำมันพืช
ด้าน อรสิริ พลหล้า นักศึกษาปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย หนึ่งในลูกค้าร้านนายอู๋ บอกว่า ถึงแม้ไม่ได้มารับประทานที่ร้านนี้เป็นประจำ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อประชาชนที่จะได้ทานอาหารที่ราคาถูกลง โดยส่วนตัวยอมรับว่าราคาอาหารในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยยังถูกกว่าอยู่ แต่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดีหากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในการรับประทานอาหารที่อื่นบ้าง เพราะราคาที่กลางๆ เข้าถึงได้ บวกกับรสชาติอาหารที่ถือว่าดี ทานได้ทุกวัย ยิ่งถ้าราคาถูกลงอีกก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เดียว
"ราคาถูกลง ก็คงมากินบ่อยขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้บริโภคมาก ลูกค้าคงแฮปปี้มากขึ้น"เธอระบุ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เตรียมจะขยายโครงการ ไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา ขอนแก่น นครราชสีมา ภายในเดือนก.ย. โดยเมนูอาหารปรุงสำเร็จที่เข้าร่วมโครงการ "ร้านอาหาร ราคาถูก ดี อร่อย สะอาด" ที่ขายเมนูละ 20-35 บาท จำนวน 10 เมนู ประกอบด้วย ข้าวไข่เจียว ข้าวราดแกง ข้าวไข่พะโล้ ข้าวขาหมู ข้าวผัดกระเพราหมู/ไก่ ข้าวผัดหมู/ไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมู/ไก่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ผัดซีอิ๋วและขนมจีนน้ำยา แกงไก่
ขณะที่ร้านที่เข้าร่วมโครงการ จะมีป้ายที่แสดงว่าร้านนี้ได้เข้าร่วมโครงการ"ร้านอาหาร ราคาถูก ดี อร่อย สะอาด" เป็นเครื่องหมายที่ประชาชนจะเข้าไปใช้บริการได้อย่างประหยัดเงินในกระเป๋า ในยุคที่ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


