เจ้าจอมมารดาอำภา ในรัชกาลที่ 2 (1)
เจ้าจอมมารดาอำภา เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ไม่ปรากฏวันเดือนปีเกิด
เจ้าจอมมารดาอำภา เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ไม่ปรากฏวันเดือนปีเกิด มีแต่คำบอกเล่าสืบต่อกันมาในราชสกุลปราโมช อันเป็นทายาทสืบต่อมาจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ทรงเป็นต้นราชสกุลปราโมช ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กับเจ้าจอมมารดาอำภา เจ้าจอมมารดาอำภานั้นท่านเป็นบุตรีพระยาอินทรอากร (อิน หรือโง้ว แซ่หลิม) มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน คือ นายเสง นายมิน เจ้าจอมมารดาอำภา นางไม้เทศ นางเถาวัลย์ นางกลีบ และนายมุ้ย หรือนุ้ย
ว่ากันว่าเจ้าจอมมารดาอำภา ท่านมีมารดาเป็นคนจีน ตัวท่านเองนั้นถือกำเนิดที่มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน พระยาอินทรอากรเป็นคนจีนที่อพยพมาค้าขายในประเทศไทย ได้ประกอบอาชีพค้าสำเภาเป็นหลัก กิจการค้าสำเภากับเมืองจีนของพระยาอินทรอากรเจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งยังมีส่วนช่วยเหลือกิจการค้าของทางราชการ เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่รัชกาลที่ 1 พระยาอินทรอากรมีกิจการค้าขายที่ใหญ่โตต้องเลี้ยงบรรดาบริวารจำนวนมาก จนต้องหุงข้าวด้วยกระทะเลี้ยงบริวาร จึงเรียกท่านว่า เจ้าสัวเตากระทะ อันปรากฏหลักฐานมาจนถึงปัจจุบัน คือ ตรอกโรงกระทะ ซึ่งเป็นนิวาสสถานเดิมของพระยาอินทรอากรที่บริเวณสำเพ็งนั้นเอง
เจ้าจอมมารดาอำภา เกิดที่ประเทศจีน จึงถูกเลี้ยงดูมาตามขนบธรรมเนียมประเพณีของกุลสตรีลูกผู้ดีจีนมาแต่เดิม คือมีการให้เด็กผู้หญิงมัดเท้ามาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เพื่อความสวยงาม แต่เมื่ออายุได้ 8-10 ขวบ บิดาได้นำมาอยู่เมืองไทยแล้วให้แก้มัดที่เท้าออก แล้วให้ศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย จากนั้นพระยาอินทรอากรได้นำบุตรสาวไปถวายตัวเป็นละครรุ่นเล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้หัดรำจนสวยงาม จนได้แสดงละครเรื่องอิเหนา เป็นตัว กาญจนา คนทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า “อำภากาญจนา” มีความสามารถในการรำละครและศิลปวิทยาด้านนาฏศิลป์ ทำให้ท่านได้เป็นครูละครหลวง จนมีชื่อติดในทำเนียบครูโขนละครของไทยมาจนถึงยุคปัจจุบัน
ความรู้ความสามารถในด้านนาฏศิลป์ ประกอบกับรูปโฉมอันบอบบางงดงามของสาวจีนที่คล่องแคล่วในวัตรปฏิบัติแบบไทย ทำให้เจ้าจอมมารดาอำภาเป็นที่ถูกพระทัยในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ดังบทพระราชนิพนธ์กาพย์ที่กล่าวกันว่าได้พระราชนิพนธ์พระราชทานเจ้าจอมมารดาอำภา ความว่า
“สายหยุดพุดจีบจีน เจ้ามีสินพี่มีศักดิ์
คนทั้งวังเขาชังเจ้านัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว”
กาพย์พระราชนิพนธ์บทนี้ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ตอนหนึ่งว่า
“...กาพย์นี้ในปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้งแห่งกรุงศรีอยุธยา แต่คนในสกุลปราโมชแต่ก่อนยืนยันว่า เป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ พระราชทานให้แก่เจ้าจอมมารดาอำภา ความจริงพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง และพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ โดยเฉพาะที่เป็นกาพย์เห่เรือชมเครื่องเสวย แต่ก่อนก็นึกกันว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง เพิ่งมาทราบกันว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ในภายหลัง กาพย์ข้างต้นนี้ ถ้าถือเป็นพระราชนิพนธ์พระราชทานให้แก่เจ้าจอมมารดาอำภา ก็ดูจะเข้าเค้ามากกว่า
‘สายหยุดพุดจีบจีน’ นั้นตรงเพราะเจ้าจอมมารดาอำภาเป็นจีน
‘เจ้ามีสินพี่มีศักดิ์’ ก็ตรงอีกเพราะเจ้าจอมมารดาเป็นลูกเจ้าสัวเตากระทะร่ำรวยมากและพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ทรงมีราชศักดิ์เป็นล้นพ้น
‘คนทั้งวังเขาชังเจ้านัก’ นั้นก็น่าจะตรง เพราะความเป็นเจ้าจอมที่โปรดปราน ความมีทรัพย์และความเป็นเจ๊กเป็นจีน น่าจะทำให้คนทั้งวังอิจฉาริษยาและเกลียดชังได้มาก
‘แต่พี่รักเจ้าคนเดียว’ นั้นตรงทีเดียว เพราะในบรรดาเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ 2 นั้น ปรากฏว่า เจ้าจอมมารดาอำภาประสูติพระราชโอรสธิดา ถึง 6 พระองค์ มากกว่าเจ้าจอมมารดาใดๆ ทั้งหมด ถ้ามิใช่เพราะ ‘แต่พี่รักเจ้าคนเดียว’ แล้วก็คงจะไม่มีมากพระองค์ถึงเพียงนั้น...”


