สั่งทำประชาพิจารณ์โครงสร้างพลังงานยกแผง
“ประยุทธ์” สั่งทบทวนโครงสร้างราคาพลังงาน สั่งทำประชาพิจารณ์เดือน ส.ค.
“ประยุทธ์” สั่งทบทวนโครงสร้างราคาพลังงาน สั่งทำประชาพิจารณ์เดือน ส.ค.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ได้ส่งแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.แล้ว และ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้กลับมาทบทวนใหม่ เนื่องจากเห็นว่าโครงสร้างยังไม่มีความชัดเจน และเกรงว่าหากประกาศออกไปจะทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชนภายในเดือน ส.ค. โดยจะจัดเสวนาทางวิชาการอีก 12 ครั้ง ก่อนจะสรุปเพื่อเสนอหัวหน้า คสช.ต่อไป
“สาเหตุที่ คสช.ต้องสร้างความชัดเจนและสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการปรับโครงสร้างราคาดังกล่าว เนื่องจากการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งราคา ภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีผลต่อผู้ใช้พลังงาน” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
นอกจากนี้ กระบวนการบริหารจัดการโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ยังมีความซับซ้อนสูง เช่น การนำเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซินไปอุดหนุนราคาแอลพีจีเพื่อให้จำหน่ายในราคาต่ำ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน เป็นต้น
“การปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซจะไม่สามารถเสร็จทันในเดือน ก.ค. เพราะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน เพราะโครงสร้างราคาใหม่มีผลกระทบกับราคาที่จำหน่ายเนื่องจากการปรับโครงสร้างมีผลกระทบต่อตัวราคาที่จำหน่าย ภาษีและกองทุนน้ำมันฯ ดังนั้นในเดือนส.ค.2557 นี้ ผมจะให้เดือน ส.ค.เป็นเดือนของการเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ หลังจากนั้นจะสรุปเสนอไปยังหัวหน้า คสช.อีกครั้ง” พล.อ.อ.ประจิน ระบุ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท. (บอร์ด ปตท.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด ปตท.เห็นชอบแนวทางการเพิ่มการแข่งขันในธุรกิจพลังงาน โดยให้ ปตท.ขายหุ้นโรงกลั่นเอสพีอาร์ซี โรงกลั่นบางจากปิโตรเลียม และการแยกท่อก๊าซฯ ของ ปตท. ให้เป็นบริษัทและการเปิดให้บุคคลที่ 3 มาใช้ท่อก๊าซฯ
ทั้งนี้ ให้ ปตท.ไปศึกษารายละเอียดและกลับมารายงานในบอร์ด ปตท. ซึ่งในส่วนการขายหุ้นโรงกลั่นฯ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องท่อก๊าซฯ ต้องดูรายละเอียดด้านกฎหมาย เสนอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบ โดยที่ประชุมตั้งข้อสังเกตกำหนดกรอบเวลาให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่าในส่วนของการขายหุ้นโรงกลั่นเอสพีอาร์ซีปตท.ถือร้อยละ 36 และเชฟรอนถือหุ้นร้อยละ64. ซึ่งเดิมนั้น ตามสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่น กำหนดไว้ว่า โรงกลั่นฯจะกระจายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯร้อยละ30 โดย ปตท.และเชฟรอนจะลดสัดส่วนหุ้นลงมา แต่เมื่อ ปตท.ต้องการขายหุ้นออกทั้งหมด ก็ได้เจรจรากับเชฟรอนเรียบร้อยแล้ว และต้องเสนอให้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณา ก่อนดำเนินการกระจายหุ้น ซึ่งที่ประชุมบอร์ดวันนี้ บอร์ดบางท่านตั้งข้อสังเกตเรื่องความมั่นคงพลังงาน ซึ่งก็ให้ ปตท.ทำรายละเอียดกลับมายังบอร์ด ก่อนเสนอ กพช.ต่อไป ในขณะที่การขายหุ้นบางจากฯที่ปตท.ถือไว้ร้อยละ27 สามารถเดินหน้าได้ทันที เพราะปัจจุบันบางจากฯมีความเข้มแข็ง จน ปตท.ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นอีก จากเดิมที่ ปตท.ต้องเข้ามาช่วยถือหุ้น เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินของ บางจากฯ


