"ล้มมวย"มะเร็งร้ายบนสังเวียนผ้าใบ
จากข่มขู่คุกคามสู่ลักลอบวางยา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าปัญหา"ล้มมวย"ยังคงมีอยู่จริงในสังเวียนผ้าใบ
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
เป็นข้อถกเถียงกันมาช้านานเกี่ยวกับปัญหาการ "ล้มมวย" ว่าเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกร่อนทำลายวงการมวยไทย
เชื่อหรือไม่ว่า วันนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ หนำซ้ำรูปแบบวิธีการยังซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
มวยล้มต้มคนดู
"ที่ใดมีการพนัน ที่นั่นมีการโกง"
เป็นสัจธรรมที่มิอาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะ "มวยไทย" อันเป็นที่รับรู้กันว่าคือหนึ่งในเกมการพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ "ม้าแข่ง"
"มวยล้ม" จึงอยู่คู่กับการพนันขันต่อมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ธานี ชัยสุนทรโยธิน หรือ เจ๋ง ท่าพระจันทร์ ที่ปรึกษานิตยสารมวยสยาม เปิดเผยว่า การล้มมวยนั้นมีสาเหตุมากมายหลายประการ
"นักมวยที่ "รับงาน" อาจมีความจำเป็น เช่น ชกแล้วไม่ได้เงินเพราะโดนหัวหน้าค่ายเบี้ยว ทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย บ้างก็พ่อแม่ลูกเมียเจ็บป่วย มีหนี้สินรุงรัง บ้างทำไปเพื่อทดแทนบุญคุณ หรือถูกบังคับข่มขู่จากผู้จ้างวาน แม้กระทั่งนักมวยชกแบบรู้กันก็มี"
เม้ง เซียนมวยรุ่นใหญ่ เล่าว่าการล้มมวยมักเกิดขึ้นในรายการใหญ่ ไฟท์สำคัญที่นักมวยระดับแม่เหล็กโคจรมาพบกัน มีเงินสะพัดมหาศาลในการพนันครั้งนี้
"บางคู่เงินพนันสะพัดหลายสิบล้าน จ้างนักมวยล้ม 5 แสน 8 แสน นี่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ปกติ ต้องดูด้วยว่านักมวยเกรดไหน ดูค่ายด้วย ค่ายใหญ่ๆมีแฟนศรัทธาเยอะ บางทีให้ล้านนึงเขาก็ไม่ล้ม มันเสียชื่อ ที่สำคัญไม่มีใครกล้าแหย่หนวดเสือหรอก"
ตี๋ เซียนมวยชื่อดังอีกราย ให้ข้อมูลว่า "ใบสั่ง" จากผู้จ้างวานมักมาจาก "ขาใหญ่ในวงการพนัน" ซึ่งอาจจะแฝงอยู่ในคราบของใครก็ได้ทั้งนั้น ตั้งแต่เทรนเนอร์ หัวหน้าค่าย เซียนมวย หรือแม้แต่โปรโมเตอร์บางคนที่เล่นการพนัน
"ต้องใช้คำว่าถ้าไม่มีคนสั่งการ นักมวยก็ไม่กล้า คนสั่งได้ต้องเป็นคนที่นักมวยเกรงกลัว หรือไม่ก็มีพระคุณ มีความรักความผูกพันต่อกัน ส่วนใหญ่ผู้มีอิทธิพลทั้งนั้น ถ้าออกคำสั่ง นักมวยไม่ทำก็อยู่ไม่ได้ "ผมไม่ทำครับ" "ถ้าไม่ทำมึงออกไปจากวงการเลย" นักมวยก็กลัว ลูกเมียก็ต้องเลี้ยง พอตัดสินใจทำแล้วก็เท่ากับว่าตกอยู่ในวังวน "เฮ้ย ครั้งที่แล้วมึงทำแล้ว ทำไมจะทำอีกไม่ได้ เดี๋ยวกูแฉนะ" อะไรแบบนี้"
ปัจจุบัน กลโกงที่เรียกว่าเหนือชั้นสุดๆของการทำมวยล้มคือ การปั่น หรือสร้างกระแสก่อนมวยชก ซึ่งผู้สันทัดกรณีรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าวิธีนี้คนที่จะทำได้ต้องเป็นบุคคลที่คนในวงการมวยให้ความเชื่อถือ
"อย่างมวยบางคู่ด้วยชื่อและฟอร์มอาจจะห่างชั้น ถ้าปล่อยให้ชกกันไปตามตามเกม ตามธรรมชาติ ขึ้นไปราคาคงต่อแพง อาจถึงขั้นต่อไม่ติดจนไม่ได้เล่นก็เป็นได้ จึงเกิดมีการสร้างข่าวสร้างกระแส ก่อนชกว่ามวยตัวเป็นต่อแพงๆ ไฟท์นี้ "มาไม่ดี" เตรียมตัวไม่พร้อมอย่างนั้นอย่างนี้ จนทำให้ราคาต่อรองตื้นขึ้นมาได้ เพราะคนตื่นกระแสจนแห่เล่นตรงข้าม จากนั้นกลุ่มเซียนที่สร้างกระแสก็ไปช้อนกินแบบเชือดนิ่มๆ ซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ"
"วางยา"ลงทุนน้อยได้ผลสูง
เรียกว่าเป็นข่าวช็อกวงการมวยไทย เมื่อสองนักมวยดัง เสกสรร อ.ขวัญเมือง กับ เพชรอู่ทอง อ.ขวัญเมือง ถูกวางยาถึงขั้นล้มพับคากล้องทีวี ณ เวทีมวยราชดำเนิน เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา
เจ๋ง ท่าพระจันทร์ เผยว่า การวางยาใส่อาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นวิธียอดนิยมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
"สมัยก่อนนักมวยกินยาโด๊ปกินยาบำรุงให้คึกคัก หวังเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่หลังๆนี่ตรงกันข้าม กลายเป็นวางยาเพื่อให้มวยแพ้ เพราะมันง่ายกว่า มีทั้งนักมวยที่ถูกลักลอบวางยาโดยไม่รู้ตัว บางคนวางยาตัวเอง อีกจำนวนไม่น้อยเจตนากินยาเพื่อรีดน้ำหนัก แต่ผลคืออ่อนเพลีย หมดแรง ชกไม่ไหว"
ยกตัวอย่างกรณีโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์แวดวงหมัดมวย นั่นคือ ตอนที่สามารถ พยัคฆ์อรุณ แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทของสภามวยโลก (ในขณะนั้น) ชกกับเจฟฟ์ เฟเนค นักมวยเจ้าถิ่นที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2530
"สามารถคุมน้ำหนักมาตลอด แต่กลัวว่าจะคุมน้ำหนักตัวเองไม่ได้จนถึงวันชก จึงกินยาขับปัสสาวะเพื่อรีดน้ำหนักให้พอดีพิกัด ผลปรากฎว่าแพ้น็อกอย่างค้านสายตา ถูกกล่าวหาว่าล้มมวย ขายชาติ เนื่องจากต่อยผิดฟอร์ม"
นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย แพทย์ประจำเวทีมวยลุมพินี ให้ข้อมูลว่าส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันคือยาขับปัสสาวะ เนื่องจากราคาถูก และหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด
"การจ้างนักมวยล้มนั้นยุ่งยากและใช้เงินเยอะ แถมยังอาจถูกเปิดโปงด้วย แต่การจ้างคนไปวางยา แค่หลักพันหลักหมื่น ลงทุนน้อย แถมจับมือผู้กระทำผิดได้ยาก การวางยามีทั้งเจาะจงว่าจะวางยานักมวยคนนี้โดยเฉพาะ หรือสุ่มวางยาใส่เครื่องดื่มแล้วนำไปวางไว้ในร้านค้า จากนั้นคอยสังเกตว่านักมวยคนไหนโชคร้ายที่จะขึ้นชกมาหยิบไป ก็ไปแทงฝั่งตรงข้าม นักมวยโดนวางยาจะเจออยู่เรื่อยๆครับ
ที่ผ่านมาเรามีการป้องกันก็คือขั้นตอนตรวจร่างกายก่อนขึ้นชก ทั้งตรวจร่างกายทั่วไป ควบคู่กับซักถามประวัติและอาการในช่วงก่อนชกว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ แต่นักมวยบางคนอยากชกจึงไม่บอกความจริง พอขึ้นไปก็ชกแพ้ หรือถูกไล่ลงมา ปรากฏว่ามาบอกทีหลังว่าก่อนชกท้องเสียบ่อยผิดปกติ อย่างเคสล่าสุดนักมวยบอกชัดเจนว่าปัสสาวะถึง 17 ครั้ง ซึ่งผิดปกติมากๆ"
วิเชษฐ์ กำลังผล แพทย์ประจำเวทีมวยราชดำเนิน บอกว่าฤทธิ์ของยาขับปัสสาวะจะส่งผลทำให้นักมวยปัสสาวะบ่อย จนขาดน้ำอย่างรุนแรง ตามมาด้วยอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
"ผู้ชำนาญจะวางยาให้ออกฤทธิ์พอดีกับตอนชกบนเวที บางคนตอนแรกลุยชกเต็มที่ พอเข้ามุมอีกทีลุกไม่ขึ้น เดินโงนเงินออกมา ถูกต่อยจนแพ้เลย เคสล่าสุดคาดว่าใส่ยาเยอะไปเลยช็อค ส่วนนักมวยบางคนที่จงใจใช้ ส่วนมากต้องการจะลดน้ำหนัก แต่ร่างกายฟื้นไม่ทันเลยไปหมดแรงบนเวที จนโดนกรรมการไล่ เพราะชกไม่สมศักดิ์ศรี"
สุนทร อู่ทอง พ่อบ้านค่ายส.สมหมายและอ.ขวัญเมือง เผยว่าโดยปกติทุกค่ายมวยจะมีการป้องกันอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ถึงขนาดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเอง ทั้งยังมีคนเฝ้าดูแลอย่างเคร่งครัด
"ไม่ว่าระมัดระวังตัวมากแค่ไหน เผลอเมื่อไหร่ก็อาจมีคนแอบใส่ยา หรือสับเปลี่ยนขวดน้ำดื่มเกลือแร่ได้ทุกเมื่อ"
ขณะเดียวกัน ใครบางคนตั้งข้อสังเกตว่าการวางยานักมวยจะสำเร็จได้นั้นต้องอาศัย "ไส้ศึก" หรือคนในค่ายเป็นตัวการสำคัญ
ไขข้อข้องใจ "ชกไม่สมศักดิ์ศรี"
เคยเห็นไหม เวลานักมวยต่อยผิดฟอร์ม มัวแต่เต้น ไม่ยอมออกอาวุธ หรือแสดงพฤติกรรมผิดปกติ จนถูกแฟนมวยทั้งสนามโห่ สุดท้ายถูกกรรมการไล่ลงจากเวที ด้วยข้อหา "ชกไม่สมศักดิ์ศรี"
"1.นักมวยขึ้นเวทีด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ภาษามวยเรียกว่า "มาไม่ดี" 2.ชกไม่เต็มที่ รูปมวยผิดทรงไปจากเดิม เช่น เคยเดินบู๊ดุดัน แต่กลับไม่ออกอาวุธ ออกหมัดไม่สุด ออกหมัดไม่แรง 3.กระแสการเล่นพนันผิดปกติเช่น ราคาต่อรองไหลไปตรงข้าม จากเป็นต่อกลับกลายรอง เนื่องจากกระแสข่าวสะพัดในหมู่เซียนมวยว่าไอ้นักมวยตัวนี้มาไม่ดี จะด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ เช่น ซ้อมมาไม่ดี หนีเที่ยว เจ็บป่วย หรือชั่งน้ำหนักก่อนชกเกินเยอะ-ลดเยอะ พูดง่ายๆไม่ฟิต 100 % ดังนั้นจึงถูกแฟนมวยโห่ไล่ สุดท้ายกรรมการก็ต้องยุติการชก" สมาส จันทะคล้อย กรรมการผู้ห้ามบนเวที อธิบายให้ฟัง
จากประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เขาจับสังเกตได้ไม่ยากว่านักมวยคนไหน"มาไม่ดี"
"มาไม่ดี ไม่ได้หมายความว่านักมวยคนนี้ล้มมวยนะ แต่อาจมาจากหลายสาเหตุ เราต้องทำการบ้านมาก่อน เช่น ดูประวัติ สไตล์การชก เช็คดูกระแสข่าวก่อนชก ราคาต่อรอง รวมถึงบรรยากาศในสนาม ลางบอกเหตุคือเสียงโห่ของเซียนมวยในสนาม เราก็ต้องหูไวตาไว ขนาดแฟนมวยยังรู้สึกถึงความผิดปกติ กรรมการก็ต้องจับเซนส์ให้ได้ ถ้าเสียงโห่มากกว่า 80 % เมื่อไหร่จึงจะตัดสินให้ไล่ลงจากเวที ถ้าไม่ไล่มีหวังแฟนมวยรุมด่าแน่นอน"
ตั้งแต่ทำหน้าที่มา เขาเคยไล่นักมวยลงจากเวทีมากกว่า 20 คน ถือว่าเยอะมาก ส่วนเรื่องล้มมวยนั้น สมาสให้ความเห็นว่าตราบใดที่ยังมีการพนันก็ยากที่จะหมดสิ้น
"นักมวยทุกคนมีศักดิ์ศรี อยากจะต่อยชนะ อยากเป็นฮีโร่ทั้งนั้นแหละ การถูกจ้างให้แพ้มันไม่มีความสุขหรอก เป็นตราบาปตลอดชีวิต วันไหนแขวนนวมไป บารมีไม่มี คนไม่เชื่อถือแล้ว แต่นักมวยบางคนทำไปเพราะจำยอม ผมว่าถ้าใช้ระบบลงโทษไม่มีวันหมดหรอก ต้องใช้ระบบจิตสำนึก ต้องไม่ทำอย่างเด็ดขาด นักมวยต้องยึดมั่นในศักดิ์ศรี คนที่ทำถือว่าทรยศวงการมวยไทย ทรยศตัวเอง เรื่องแบบนี้ต้องสำนึกด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะกำจัดปัญหาได้"
บทลงโทษต้องสาสม
แม้พรบ.กีฬามวย พ.ศ.2542 จะประกาศใช้มานานกว่า 15 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง หลายคดีเงียบหาย โดยไม่สามารถนำตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีได้ หลายคนยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในวงการจนถึงทุกวันนี้
"แพะ"ตกอยู่กับนักมวยแต่เพียงผู้เดียวตลอดปีตลอดชาติ
เจ๋ง ท่าพระจันท์ ที่ปรึกษานิตยสารมวยสยาม เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬามวยอาชีพ ควรจะมีมาตรการป้องกันนักมวยโดนวางยา รวมถึงการสอบสวนอย่างจริงจังจนเมื่อเกิดกรณีล้มมวย ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปเหมือนไฟไหม้ฟาง
"บางคดี นักมวยสารภาพ หัวหน้าค่ายยอมรับ มีการซัดทอดไปถึงผู้บงการ แต่กระบวนการพิจารณาสอบสวนก็กลับบกพร่อง ไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้อิทธิพลมืดเข้ามาช่วยเหลือ ตัดตอน สุดท้ายก็ไม่มีใครถูกดำเนินคดี นี่คือจุดหนึ่งที่ทำให้การกำจัดมวยล้มสาวไปไม่ถึงผู้จ้างวาน
อีกอย่างกฎหมายบ้านเราไม่เข้มข้นเหมือนต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ ถ้าคุณล้มบอล โดนปรับเงินโดนแบนหนักเลย เผลอๆติดคุกด้วย มีการสอบสวนสาวไส้ผู้บงการมาดำเนินคดีอย่างจริงจังด้วย แถมตกเป็นข่าวใหญ่อีก แต่บ้านเรามีแต่สืบกันเอง แทนที่จะดำเนินไปตามกฎหมายแต่บางคนเลือกจะใช้วิธีศาลเตี้ย ไล่ยิงไล่ฆ่าล้างแค้นกันจนต้องติดคุกติดตาราง"
ถามว่าที่ผ่านมาเคยมีใครล้มมวยแล้วถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือโดนแบนจากวงการมวยบ้าง ?
"การประกาศให้นักมวยที่ล้มมวยเลิกชกตลอดชีวิต ผมเปรียบเทียบเหมือนกับเหมือนโทษประหารในเมืองไทย สุดท้ายไม่โดน ได้ลดโทษลงเรื่อยๆ ไม่นานก็ออกจากคุก ที่ผ่านมามีหลายกรณีที่พูดกันว่าไอ้นักมวยตัวนี้เคยล้ม แต่หลังจากนั้นก็เอากลับมาต่อยต่อ
ถามว่าวงการมวยแบนคนเหล่านี้ไหม ก็อาจแค่ช่วงหนึ่ง แต่มักใช้วิธีทางสังคม เช่น ไม่มีจัดชก 1 ปีอย่างมาก พอคนลืมๆก็เอากลับมาต่อยใหม่ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ แรกๆเซียนมวยอาจโห่ แต่มวยล้มส่วนใหญ่ดันเป็นมวยเก่ง มันอาจกลับมาฟอร์มดี เรียกความเชื่อมั่น คนเลยให้อภัย บางคนกลับใจได้เป็นคนดี แต่บางคนต่อยไปสักพักมันก็ล้มอีก"เขาถอนหายใจ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของปัญหา "ล้มมวย" ที่ยังมีอยู่จริง และไม่มีทีท่าว่าจะกำจัดลงได้ง่ายๆ


