posttoday

หอไตรปิฎก แห่งเดียวในโลก ที่วัดร่ำเปิง

20 กรกฎาคม 2557

เมื่อผู้เขียนติดตามสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง

โดย...สมาน สุดโต

เมื่อผู้เขียนติดตามสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประธานเผยแผ่พระพุธศาสนาแห่งประเทศไทย ไปเยือนวัดที่สอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4 ที่ จ.ลำปาง และเชียงใหม่ ตามโครงการประชาสัมพันธ์วัดต้นแบบที่สอนวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อเร็วๆ นี้ นอกจาากได้เห็นวัดต้นแบบแล้ว ยังได้พบสิ่งที่น่าทึ่งและอัศจรรย์ยิ่ง คือ หอพระไตรปิฎกนานาชาติ ที่มีแห่งเดียวในโลกที่วัดร่ำเปิง

พระครูภาวนาวิรัช (พระอาจารย์สุพันธ์ อาจิณณสีโล) เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) เล่าถึงความเป็นมาของหอไตรแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกว่า เริ่มมาจากความคิดริเริ่มของหลวงพ่อทอง ปัจจุบันคือ พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง (อายุ 93 ปี) ที่เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดร่ำเปิงระหว่างปี พ.ศ. 25312534 ที่ต้องการรวบรวมพระไตรปิฎกตัวอักษรล้านนา ที่สร้างขึ้นในการทำสังคายนาที่ล้านนาสมัยพระเจ้าติโลกราช เมื่อ 500 ปีที่แล้ว ให้ครบสมบูรณ์ และจัดไว้เพื่อศึกษาที่วัดร่ำเปิง โดยใช้เวลาในการรวบรวม 16 ปี ปรับปรุงต้นฉบับให้เหมือนเดิม พร้อมทั้งนำมาพิมพ์เป็นเล่มๆ แบบหนังสือในปัจจุบันได้ทั้งหมด 80 เล่ม (พระไตรปิฎกฉบับอักษรไทยมีทั้งหมด 45 เล่ม) โดยทำในนามคณะสงฆ์ภาคเหนือ

ท่านมีดำริว่า การนำพระไตรปิฎกมารวบรวมไว้ที่เดียว ไม่ว่าของเราหรือของเขา (ประเทศอื่นๆ) จะเป็นการรักษาและธำรงพระศาสนาให้ยั่งยืนมั่นคง จึงนำพระไตรปิฎกล้านนาไปแลกกับพระไตรปิฎกประเทศต่างๆ นำของเราไปให้เขา และนำของเขามาไว้ที่เรา โดยตั้งสมมติฐานว่า ถ้า (พระไตรปิฎก) ของเราหมดหรือมีอันตราย ก็ยังมีพระไตรปิฎกของเขา (ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอื่นๆ) ให้ศึกษา หอพระไตรปิฎกวัดร่ำเปิงจึงมีพระไตรปิฎกทั้งหมด 19 ภาษาด้วยกัน เช่น จีน พม่า ลังกา เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ เท่าที่มีในโลกนี้ ในจำนวน 19 ภาษานั้น บางภาษาก็ยังไม่ครบ เช่น ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ส่วนเวียดนามพิมพ์ยังไม่ครบ

หอพระไตรปิฎกวัดร่ำเปิง จึงเป็นหอพระไตรปิฎกเพียงแห่งเดียวที่มีพระไตรปิฎกนานาภาษามากที่สุดในโลก โดยทำมาก่อนที่องค์กรอื่นๆ จะริเริ่ม

หอไตรปิฎก แห่งเดียวในโลก ที่วัดร่ำเปิง

 

ท่านเล่าว่า พระไตรปิฎกฉบับภาษาล้านนา ซึ่งเป็นฉบับสังคายนาในสมัยพระเจ้าติโลกราชนั้น เป็นพระไตรปิฎกที่จารลงในใบลาน เมื่อปริวรรตพิมพ์เป็นรูปเล่มพิมพ์ได้ 80 เล่ม เท่ากับพระชนมายุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขนาดหนาบางไม่เท่ากัน

ที่น่าสังเกต คือ พระไตรปิฎกฉบับล้านนาจัดเรียงลำดับต่างจากพระไตรปิฎกในส่วนกลาง กล่าวคือ ฉบับล้านนานั้นเริมต้นจากพระสูตร ตามมาด้วยพระอภิธรรม และพระวินัย ในขณะที่ส่วนกลางเริ่มจากพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม

ทั้งนี้ มีเหตุผลว่าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนานั้นเริ่มจากการที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมก่อน ต่อมาจึงบัญญัติพระวินัยเป็นลำดับถัดมา

เอกลักษณ์พิเศษพระไตรปิฎกฉบับล้านนา คือ จัดทำสำหรับแสดงธรรม หรือสำหรับเทศน์ให้พุทธศาสนิกชนได้ฟังและติดตาม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้น ทางวัดจึงจัดแสดงธรรมตามฉบับล้านนาให้ญาติโยมฟังทุกวันพระในพรรษา ต่อมาบันทึกลงในเทปคาสเซต แล้วเปลี่ยนมาลงในแผ่นซีดี เอ็มพี 3 และดีวีดี ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป สามารถนำเสนอได้ 24 ชั่วโมง ทางวิทยุและออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ที่เป็นปัญหาคือ คนอ่านตัวธรรมได้น้อย ปัจจุบันอาจมีประมาณร้อยละ 1 เท่านั้น ท่านเจ้าอาวาสจึงหาวิธีกระตุ้นให้คนใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มาพัฒนาท้องถิ่น และกระตุ้นให้อ่านตัวธรรมด้วย เช่น มีการตั้งโรงเรียนสอนภาษาล้านนาหลายจุด ได้พบว่าคนที่ที่สนใจอ่านตัวธรรม มิใช่เฉพาะคนไทยจริงๆ เท่านั้น แต่บางคนมาจากพ่อแม่ที่เป็นจีนหันมาสนใจอ่านมากขึ้น พร้อมกันนั้นท่านก็บอกว่าผู้ที่อ่านตัวธรรมมีอยู่สิบสองปันนา และบางแห่งที่พม่า

สำหรับหอพระไตรปิฎกนี้จะพัฒนาให้เป็นห้องสมุด พร้อมทั้งจัดแสดงเกี่ยวกับตัวพิมพ์ท่นพิมพ์ตัวธรรม หรืออักษรล้านนาที่เก็บรวบรวมไว้ด้วย

หอไตรปิฎก แห่งเดียวในโลก ที่วัดร่ำเปิง

 

ท่านเล่าอัตโนประวัติให้ฟังว่า ท่านเป็นพระลูกชาวบ้านธรรมดา เกิดที่ จ.แพร่ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2504 บรรพชาเป็นสามเณร เรียนนักธรรมจบนักธรรมเอก และจบพระอภิธรรมบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)

เมื่อจบพระอภิธรรมก็ทำหน้าที่สอนแบบพี่สอนน้อง บังเอิญว่าศิษย์ที่มาเรียนคนหนึ่งรู้จักหลวงพ่อทอง จึงนิมนต์อาตมาให้มาเข้ากรรมฐานที่วัดร่ำเปิงแห่งนี้ พร้อมกับชี้ให้ดูสถานที่ที่เคยนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อทอง แต่ตอนนี้สร้างเป็นพระอุโบสถไปแล้ว อาตมาเคยอยู่วัดดอกเอื้องในเมืองเชียงใหม่ เรียนอภิธรรมที่วัดเมืองมาง ซึ่งเป็นสำนักเดิมของหลวงพ่อทอง ที่มีการเรียนอภิธรรม จากวัดเมืองมางก็มาปฏิบัติธรรมที่นี่ และได้ช่วยงานหลวงพ่อทองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529

ส่วนความชำนาญภาษาต่างประเทศนั้น ท่านมีความสามารถในการสื่อสารและสอนวิปัสสนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่หากลึกๆ ก็ยังใช้ล่าม

การที่รู้ภาษาอังกฤษจนใช้ได้ดี เพราะอยู่กับต่างชาติมาก ฟังเขาพูดและออกเสียงทุกวัน วันละ 23 ชั่วโมง เรียนไปด้วย สอนไปด้วย ทำให้รู้สำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน แบบอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือชาวฝรั่งเศส ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 รู้ว่าเขาจะออกเสียงแบบไหน รวมทั้งภาษาอังกฤษแบบชาวเยอรมันด้วย

สรุปว่า ท่านสามารถสื่อสารกับต่างชาติได้หลายภาษา แต่ใช้อังกฤษเป็นหลัก ตามด้วยสเปน จีน เยอรมัน ส่วนคู่มือภาษาที่ใช้ในการสอนวิปัสสนา ก็เน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก ตามด้วยภาษาแต่ละชาติที่มีผู้มาปฏิบัติธรรมมาก เช่น เยอรมัน จีน รัสเซีย เป็นต้น

เมื่อให้ท่านพูดถึงอนาคตการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานว่า หากเรามีบุคลากรที่ดี มีที่ปฏิบัติดี มีความสามารถทางด้านการปฏิบัติและภาษา จะสนองความต้องการสังคมและชาวต่างชาติได้ดี ดังนั้นการที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีโครงการผลิตพระวิปัสสนาจารย์ขึ้นมา จึงถือว่าทำงานที่ยิ่งใหญ่ให้แก่พระศาสนา ซึ่งจะทำให้การสอนวิปัสสนากรรมฐานเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ถ้าเราต้องการให้กรรมฐานไปได้ดี ต้องสร้างบุคลากร และเน้นการเผยแผ่ต่างชาติ เพื่อให้วิปัสสนากรรมฐานเกิดขึ้นต่างบ้านต่างเมืองไว้ เพราะประวัติพระพุทธศาสนาเป็นบทเรียนที่ดี ประเทศอินเดียที่พุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองในที่สุดไม่มีพระพุทธศาสนา แต่มาเจริญในปัจจันตชนบท เช่น แถวบ้านเรา ถ้าหากในอนาคต เกิดพระพุทธศาสนา หรือวิปัสสนาห่างหายจากบ้านเรา ก็จะไปรุ่งเรืองในยุโรปแทนก็ได้

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา