มรสุมท้องถิ่นแรง!สัญญาณเตือนจากโลกร้อน

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

จากรายงานข่าว ที่ระบุว่า เมื่อ13 มิ.ย. เกิดพายุ คลื่นสูง 3 เมตร พัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน บริเวณพื้นที่หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง สร้างความเสียหายกว่า 100 ครัวเรือน มีผู้ประสบภัยกว่า 1,000 คน และถือเป็นวาตภัยที่ร้ายแรงในรอบ 20 ปี ของพื้นที่นี้

ถัดมาเพียงวันเดียว 14 มิ.ย.บริเวณชายหาดปากเมง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ก็ประสบเหตุดังกล่าว เช่นกัน กินอาณาบริเวณ ตั้งแต่ชายหาดปากเมง หาดฉางหลาง หาดเจ้าไหม และหาดหยงหลิง มีคลื่นลมทะเลแรง คลื่นที่สูงประมาณ 4 เมตร พัดผ่านผนังกันคลื่นริมชายหาด ผ่านถนนไหลเข้าท่วมร้านค้าผู้ประกอบการอาหารริมชายหาด และเกิดต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 3

เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ. พังงา เมื่อ 15 มิ.ย. ที่นอกจากจะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่แล้ว ยังได้รับรายงานอีกว่า มีคลื่นสูงประมาณ 3-5 เมตร ซัดเข้าสู่ชายหาดในพื้นที่ อ.เขาหลัก เป็นระยะทาง ยาวกว่า 13 กิโลเมตร ตั้งแต่ ชายหาดบางเนียง ชายหาดคึก ชายหาดแหลมปะการัง และชายหาดบ้านปากวีป ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เพราะมีคลื่นลมแรง

กรมอุตุนิยมวิทยาอธิบายว่า สภาพอากาศแปรปรวนในช่วงวันที่ 15-16 มิ.ย. เกิดจาก ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร

ขณะที่สัปดาห์หน้า ช่วงวันที่ 17-21 มิ.ย. ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง และคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน อาจจะมีกำลังอ่อนลง

รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็น "มรสุมท้องถิ่น" ซึ่งโดยปกติแล้ว ควรจะมีความรุนแรงน้อยกว่าที่เห็น และหากจะรุนแรงก็มักจะต้องมีปัจจัยเสริม เช่น มีลมมรสุมจากมหาสมุทรอินเดีย

“ครั้งนี้ ถือว่ามรสุมท้องถิ่นแรงจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากปัจจัยของ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิของโลกในแต่ละพื้นที่ ระหว่างอากาศที่ร้อนกับหนาว แตกต่างกันเยอะเกินไป ทำให้มรสุมที่เกิดขึ้นแต่ละปี มีความรุนแรงขึ้นๆ ก่อนหน้านี้นักวิชาการทั่วโลก มองว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เป็นแค่เรื่องของอุณหภูมิเท่านั้น แต่ผลที่ตามมาและหนักจริงๆ ก็คือเรื่องของฝน แต่ผลกระทบที่ตามมาอีก และเห็นได้จากที่เกิดขึ้น ในประเทศอังกฤษ เยอรมัน ก็คือคลื่นที่สูงขึ้น จากช่วงมรสุมเดิมเพียง 3 เมตร เป็นสูง 6-8 เมตร จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องติดตามกันต่อไป”รอยลกล่าว

ธนวัตร จารุพงศ์สกุล อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ยืนยันเช่นกันกว่า ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงมาจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งปกติมักจะมีพายุและคลื่นลมแรง แต่ก็ยังไม่ถือว่าสูงกว่าสถิติเดิมที่บันทึกไว้ ซึ่งฝั่งอันดามัน เคยมีคลื่นในช่วงมรสุมสูงถึง 6 เมตร

"หลังๆ มรสุมรุนแรงขึ้นผิดปกติ จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ฝนก็ตกมากขึ้น ถือว่าปีนี้ หน้าฝนมาช้ากว่าปกติถึง 2 สัปดาห์ และขณะนี้ ถือว่าเพิ่งเริ่มเข้าสู่หน้าฝน จึงอาจจะยังเร็วไปที่จะตอบได้ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรต่อไป" อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยาคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว