posttoday

21 วิธีคิด ที่ทำให้คนรวย...แตกต่าง (ตอนจบ)

30 พฤษภาคม 2557

จากหนังสือเรื่อง “How Rich People Think” แปลตามความได้ว่า “คนรวยคิดอย่างไร?...ถึงรวย” ผมได้สรุป “วิธีคิดของคนรวย” ออกมาได้ทั้งหมด 21 วิธีคิด ซึ่งเราได้คุยกันไปแล้ว 9 วิธี วันนี้ผมก็จะขอคุยให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจในวิธีคิดที่ 10, 11 และ 12 ดังนี้ครับ

จากหนังสือเรื่อง “How Rich People Think” แปลตามความได้ว่า “คนรวยคิดอย่างไร?...ถึงรวย” ผมได้สรุป “วิธีคิดของคนรวย” ออกมาได้ทั้งหมด 21 วิธีคิด ซึ่งเราได้คุยกันไปแล้ว 9 วิธี วันนี้ผมก็จะขอคุยให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจในวิธีคิดที่ 10, 11 และ 12 ดังนี้ครับ

10) คนทั่วไปคิดว่าต้องใช้ “เงินของตนเอง” เพื่อหาเงิน แต่คนรวยคิดว่าต้องใช้ “เงินของคนอื่น” เพื่อหาเงิน

หนึ่งในความลับของความสำเร็จของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็คือ ความสามารถในการหาเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำมาลงทุนได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงชอบธุรกิจประกันภัย ในปี 2551 พบว่า 24% ของรายได้ของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ของ บัฟเฟตต์ และ 50% ของกำไรทั้งหมดมาจากธุรกิจประกันภัยต่อ ประกันทรัพย์สิน ประกันชีวิต และประกันรถยนต์

บัฟเฟตต์ เองชอบรายได้ที่ได้มาจาก “Float” Float ในที่นี้หมายถึงรายได้จากเบี้ยประกันภัยที่เบิร์กเชียร์รับเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมจนกว่าจะเกิดอุบัติเหตุในอนาคต ซึ่งก็จะสามารถนำเบี้ยประกันภัยจำนวนนี้ไปลงทุนก่อนได้ นอกจากนั้นยังรวมถึงเบี้ยประกันภัยที่หักออกด้วยค่าใช้จ่ายทางด้านสินไหมแล้ว บัฟเฟตต์ ก็จะสามารถนำกำไรส่วนเกินนี้ไปลงทุนต่อได้ นั่นเท่ากับว่า...

บัฟเฟตต์ จะมีเงินทุนที่ไม่มีต้นทุนให้นำไปลงทุนได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว และ “Float” ที่เรากล่าวถึงนี้ก็คือ “เงินของคนอื่น” ที่ บัฟเฟตต์ นำมาใช้ได้

11) คนทั่วไปคิดว่า ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วย “เหตุผล” และ “กลยุทธ์” แต่คนรวยคิดว่า ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วย “อารมณ์” และ “ความโลภ”

หากคุณผู้อ่านลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่า คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยทุกแห่งในเมืองไทยและทั่วโลกมักจะพากันสอนให้บรรดานักศึกษาเข้าใจกันว่าตลาดถูกขับเคลื่อนด้วย “เหตุผล” ทุกอย่างจะมีเหตุมีผลเป็นไปตามที่กำหนดไปเสียทุกประการ และหากจะเอาชนะตลาด หรือการทำสินค้าออกมาขายแล้วให้ได้ดีกว่าคนอื่นนั้น จะต้องศึกษาและคิดหา “กลยุทธ์” ที่จะเอาชนะคู่แข่งขันให้ได้เท่านั้น

ในปี 2492 เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) กูรนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก เป็นคนแรกที่ได้เขียนถึงคำว่า “นายตลาด (Mr.Market)”ในหนังสืออมตะเล่มที่โด่งดังที่ชื่อ “The Intelligent Investor”

เกรแฮม ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับตลาดที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากแนวความคิดเก่าๆ ที่ว่า ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุผลและกลยุทธ์ แต่เขากลับให้ความคิดเห็นที่ว่า ตลาดก็เปรียบเสมือนคนคนหนึ่งที่มีอารมณ์แปรปรวนง่าย ไม่มีเหตุผล มักจะชอบตามน้ำ ตกใจง่าย และมักจะชอบซื้อแพงขายถูก

ตัวอย่างเช่น ตลาดบ้านยามเศรษฐกิจดี ผู้คนก็จะแห่แหนไปซื้อบ้านกันอย่างเนืองแน่น ทำให้ราคาสูงขึ้น...สูงขึ้น แต่ผู้คนก็กลับแย่งกันซื้อที่ราคาสูงๆ พอถึงยามเศรษฐกิจไม่ดี ราคาบ้านก็ถูกลง...ถูกลง แต่กลับหาผู้ซื้อแทบไม่ได้เลย ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะ “อารมณ์” และ “ความโลภ” ของตลาดนั่นเอง

12) คนทั่วไปมักจะใช้ชีวิต “สูงกว่า” ฐานะของตน แต่คนรวยมักจะใช้ชีวิต “ต่ำกว่า” ฐานะของตน

วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นสูงถึง 4.4 หมื่นดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งคนที่มีทรัพย์ศฤงคารสูงมหาศาลในระดับนี้ น่าจะเป็นผู้ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูเลิศเหนือคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริง บัฟเฟตต์ กลับใช้ชีวิตที่เหมือนคนที่อยู่ในชนชั้นกลางทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

บัฟเฟตต์ อาศัยอยู่ในบ้านที่เขาซื้อเมื่อปี 2501 ในราคาเพียง 3.15 หมื่นดอลลาร์ หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท (ปัจจุบันบ้านหลังนี้มีมูลค่าราว 20 ล้านบาทไปแล้ว) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกาของสหรัฐอเมริกา ภายในบ้านมีเนื้อที่ประมาณ 150 ตารางวา ซึ่งเป็นบ้านเพียงหลังเดียวที่เขาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

หลายต่อหลายครั้งก็มักจะมีผู้คนมาคอยคะยั้นคะยอให้ บัฟเฟตต์ ซื้อบ้านใหม่ แต่ บัฟเฟตต์ ก็บอกไปว่า “ผมจะย้ายบ้านไปทำไม? ในเมื่อเขามีความสุขที่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้” บัฟเฟตต์ คิดไม่ออกว่าการมีบ้านใหญ่ๆ หรือการมีบ้านหลายๆ แห่งทั่วโลกจะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้อย่างไร? อีกทั้งเขาไม่ชอบดูแลบ้านพร้อมกันหลายหลัง แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นมาดูแลบ้านแทนด้วย ดังนั้น บัฟเฟตต์ จึงไม่เคยคิดที่จะซื้อบ้านเพิ่มขึ้นอีกแม้แต่หลังเดียว

สิ่งที่น่าแปลกใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของ บัฟเฟตต์ ยังมีอีกมากมาย เช่น ในห้องทำงานของ บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีระดับโลก ที่น่าจะเต็มไปด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ไฮเทคราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคิดเลข และอื่นๆ เลย แต่กลับพบว่าแทบจะไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย มีแต่เพียงเอกสารบริษัทที่เขาสนใจ หนังสือ หนังสือพิมพ์ และอุปกรณ์ทั่วไป

นั่นเป็นเพราะ บัฟเฟตต์ ต้องการเพียงแค่นั่งในห้องทำงานและใช้เวลาอ่านหนังสือตลอดทั้งวันเท่านั้นเอง เห็นไหมครับว่า บุคคลระดับอภิมหาเศรษฐีโลกอย่าง บัฟเฟตต์ ชอบที่จะใช้ชีวิต “ต่ำกว่า” ฐานะของตน ขณะที่คนทั่วไปมักจะใช้ชีวิต “สูงกว่า” ฐานะของตน

พบกับ “วิธีคิดที่ทำให้คนรวย...แตกต่าง” ตอนต่อไปได้ในเร็วๆ นี้นะครับ

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1