21 วิธีคิดที่ทำให้คนรวย...แตกต่าง (ตอนที่ 1)
ผมชอบหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “How Rich People Think” ซึ่งแปลตามความได้ว่า “คนรวยคิดอย่างไร?...ถึงรวย” สาเหตุลำดับต้นๆ ที่ทำให้ผมชอบหนังสือเล่มนี้ก็คือ หนังสือเล่มนี้สอนให้ผู้คน...เปลี่ยนวิธีคิด คิดในสิ่งที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะสอนให้รู้ถึง...“วิธีคิดของคนรวย” ที่ได้ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนทั่วไป และทำให้คนรวยมีฐานะที่ดีกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้บทความเรื่องนี้จะมีทั้งหมด 21 วิธีคิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 7 ตอน ตอนละ 3 วิธี และผมยังได้ยกตัวอย่างประกอบขึ้นมา เพื่อให้มีอรรถรสในการอ่านมากขึ้น โดยวันนี้...ขอเสนอเป็นตอนแรกดังนี้ครับ
ผมชอบหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “How Rich People Think” ซึ่งแปลตามความได้ว่า “คนรวยคิดอย่างไร?...ถึงรวย” สาเหตุลำดับต้นๆ ที่ทำให้ผมชอบหนังสือเล่มนี้ก็คือ หนังสือเล่มนี้สอนให้ผู้คน...เปลี่ยนวิธีคิด คิดในสิ่งที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะสอนให้รู้ถึง...“วิธีคิดของคนรวย” ที่ได้ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนทั่วไป และทำให้คนรวยมีฐานะที่ดีกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้บทความเรื่องนี้จะมีทั้งหมด 21 วิธีคิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 7 ตอน ตอนละ 3 วิธี และผมยังได้ยกตัวอย่างประกอบขึ้นมา เพื่อให้มีอรรถรสในการอ่านมากขึ้น โดยวันนี้...ขอเสนอเป็นตอนแรกดังนี้ครับ
1) คนทั่วไปคิดว่า “เงิน” เป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย แต่คนรวยคิดว่า “ความยากจน” เป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย
หนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก และเป็นกูรูนักลงทุนชื่อก้องโลก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เมื่อบัฟเฟตต์อายุได้เพียง 6 ขวบ เขาก็เริ่มหาเงินโดยไม่เคยอายหรือรังเกียจการหาเงินเลย บัฟเฟตต์เริ่มต้นด้วยการเคาะประตูบ้านทีละบ้านเพื่อเสนอหมากฝรั่ง น้ำอัดลมโค้ก หรือนิตยสารรายสัปดาห์
ในช่วงที่เขาเรียนมัธยมนั้น บัฟเฟตต์ก็ทำงานส่งหนังสือพิมพ์ ขายลูกกอล์ฟและแสตมป์ เขาเริ่มยื่นเสียภาษีเป็นครั้งแรกเมื่อเขามีอายุเพียง 14 ปี พอเขาอายุได้ 16 ปี เขาก็หุ้นกับเพื่อนซื้อเครื่องเล่นพินบอลหลายเครื่อง เพื่อมาตั้งไว้ในร้านตัดผมหลายร้านที่เขารู้จักคุ้นเคย สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องแสดงว่า บัฟเฟตต์ไม่เคยอับอายหรือคิดว่าการหาเงินเป็น...สิ่งที่ชั่วร้ายเลย
2) คนทั่วไปคิดว่า “ความเห็นแก่ตัว” เป็นสิ่งไม่ดี แต่คนรวยคิดว่า “ความเห็นแก่ตัว” เป็นที่มาของอำนาจ
ตัวอย่างหนึ่งของ “ความเห็นแก่ตัว” ที่เห็นเด่นชัดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาก็คือ ผลงานของคนที่มีชื่อว่า จอร์จ โซรอส (George Soros) โดยผมอยากจะเล่าเหตุการณ์ซักสองเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเขาดังนี้ครับ
เหตุการณ์การโจมตีค่าเงินปอนด์ของอังกฤษ เป็นที่ทราบกันดีว่าเงินปอนด์ของอังกฤษเป็นเงินสกุลหนึ่งของโลกที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกในฐานะอดีตมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก การโจมตีค่าเงินปอนด์จึงถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่...โซรอสก็ได้เป็นคนแรกที่ทำสำเร็จ ในวันที่ 16 ก.ย. 2535 โซรอสรู้ดีว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการให้อังกฤษเข้าร่วมเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มยูโรโซน
ดังนั้น อังกฤษจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกลุ่ม โซรอสจึงได้ทำการ Shorting โดยการยืมเงินปอนด์มาก่อน และก็เทขายออกมาในภายหลัง เป็นเงินมากกว่าหมื่นล้านปอนด์ เพื่อบีบรัฐบาลอังกฤษให้ลดค่าเงินปอนด์และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ในที่สุดรัฐบาลอังกฤษก็ทนกับภาวะกดดันจากการโจมตีไม่ไหว และประกาศลดค่าเงินปอนด์ เมื่อเงินปอนด์มีค่าน้อยลง โซรอสจึงเริ่มซื้อเงินปอนด์กลับมาในอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกและนำไปคืน จึงทำให้เขาได้กำไรอย่างมหาศาล ในขณะที่หลายๆ ธุรกิจในอังกฤษต้องประสบกับภาวะล้มละลาย
แม้ว่าโซรอสจะเห็นแก่ตัวโดยการเข้าโจมตีค่าเงินและเศรษฐกิจของหลายประเทศ แต่ในทางกลับกัน โซรอสก็ได้บริจาคเงินมากกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับโรงเรียน มหาวิทยาลัย มูลนิธิ และองค์กรการกุศลอื่นๆ ทั่วโลก จนทำให้ผู้คนขนานนามเขาว่า “โรบินฮู้ด” แห่งโลกการเงิน
3) คนทั่วไปคิดว่า “ตัวเอง...มีโชค” คนรวยคิดว่า “ตัวเอง...ต้องขยัน”
โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้โด่งดังจากรายการทางทีวีที่มีชื่อว่า “The Apprentice” อาจกล่าวได้ว่า ทรัมป์เป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี แต่ชีวิตการเรียนของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นเอาเสียเลย สมัยเด็กๆ ทรัมป์ได้มีโอกาสไปเรียนที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แต่เขากลับมีปัญหากับเพื่อน และมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย จนในที่สุดพ่อแม่ของทรัมป์ก็ตัดสินใจส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนการทหารแห่งนิวยอร์ก (New York Military Academy) ด้วยความพยายามของเขา...เขาก็ได้รับเกียรตินิยมเมื่อจบจากโรงเรียนแห่งนี้
หลังจากที่ทรัมป์จบจากโรงเรียนแห่งนี้ เขาก็เริ่มเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อว่า มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม (Fordham University) เมื่อจบแล้วแทนที่เขาจะเริ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของพ่อของเขา ซึ่งจะเป็นชีวิตที่สบาย ไม่ต้องดิ้นรนมากนัก เพียงแต่รอคอยวันที่โชคจะมาหาเขาเท่านั้น
แต่ทรัมป์กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ทรัมป์เริ่มรู้ว่าการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องมีความรู้ทางด้านธุรกิจมากกว่านี้ และควรจะต้องมีสายสัมพันธ์กับนักธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะสอบเข้าโรงเรียนธุรกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า วอร์ตัน (Wharton Business School) ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
และในที่สุดเขาก็สามารถสอบเข้าได้และสำเร็จการศึกษาในที่สุด ทรัมป์จึงเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของ...คนที่มีฐานะดี แต่ไม่ยอมรอคอยให้โชคชะตามากำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง แต่กลับพยายามดิ้นรนขวนขวายวิ่งเข้าไปหาโชคดังกล่าวแทน
วันนี้เราได้อ่าน “วิธีคิดที่ทำให้คนรวย...แตกต่าง” ไปแล้วด้วยกัน 3 วิธี คุณผู้อ่านได้อะไรไปบ้างไหมครับ? วิธีคิดบางวิธีอาจช่วยให้คุณผู้อ่านสามารถทำให้ตัวเอง “เปลี่ยนวิธีคิด” ได้ หรือหนึ่งในนั้นอาจทำให้เรารวยขึ้นก็เป็นได้ พบกับ.. 21 วิธีคิดที่ทำให้ “คนรวย”...แตกต่าง อีก 3 วิธีคิดได้ในตอนต่อไป


