ทบ.กวาดล้างคลังแสงอื้อ

หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก กองทัพบกได้เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างอาวุธสงครามได้หลายแห่ง เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในพื้นที่ชุมนุมกรุงเทพฯ

จ.สมุทรสาคร พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บังคับการกองปราบปราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 1 นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องแถว หมู่ 3 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน โดยพบว่าห้องที่ 34 มี จันทนา วรากรสกุลกิจ อายุ 44 ปี ชาว จ.นครราชสีมา เช่าพักอาศัย ซึ่งภายในห้องที่ 3 มีอาวุธสงครามจำนวนมาก อาทิ ปืนเอเค 47 พร้อมกระสุน 777 นัด ปืนไรเฟิล กระสุน 38 นัด เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 พร้อมลูกกระสุนขนาด 40 มม. 9 นัด ปืนเอ็มพี กระสุน 48 นัด ปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 154 นัด

ปืนพกสั้น พร้อมกระสุนขนาด .380 รวม 9 นัด ระเบิดขว้าง 3 ลูก ขนาดเอ็ม 2627 และอาร์ดีจี 5 ระเบิดแสวงเครื่อง 8 ลูก ดินระเบิด 120 ขวด และบัตรการ์ด นปช. ส่วนห้องที่ 4 พบอุปกรณ์ประเภทจานและตู้ทำไฟฟ้า ซึ่งมีการนำส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

จันทนา สารภาพว่า เป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าว ส่วนอาวุธสงครามทั้งหมดนั้นได้หาซื้อมาสะสมไว้ทีละอย่างสองอย่างด้วยความชื่นชอบ โดยจะติดต่อขอซื้อมาจากผู้ค้าตามแนวชายแดนพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และที่ จ.ราชบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบสวนดำเนินคดีที่กองปราบปราม

ขณะที่ พ.ต.อ.อัคราเดช เปิดเผยว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ได้รายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ทราบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล แต่ยังไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงการ์ดและผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่

จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ลพบุรี เข้าจับกุม เชาวร์วัฒน์ ทองเผือก อายุ 54 ปี ได้ที่บ้านพัก หมู่ 8 ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี พร้อมของกลางจำนวนมาก 18 รายการ อาทิ อาวุธปืนยาวเอเค หรืออาก้า 1 กระบอก พร้อมกระสุน 800 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. 156 นัด เครื่องกระสุนปืนเอเค 47 จำนวน 88 นัด เครื่องกระสุนปืนคาร์บิน 60 นัด วัตถุระเบิดเอ็ม 18 เอ 1 จำนวน 1 ลูก เครื่องวัตถุระเบิดทีเอ็นที น้ำหนัก 1 ออนด์ พุพวงกลม จำนวน 11 รูป วัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปร์บอม 3 ลูก ซุกซ่อนใต้เตียงนอนและในป่าละเมาะหลังบ้าน

เชาวร์วัฒน์ สารภาพว่า มีผู้ว่าจ้าง ซึ่งเป็นแนวร่วมชุมนุมทางการเมืองให้ประกอบระเบิดนำไปก่อความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ และที่ผ่านมาส่งมอบระเบิดไปแล้ว 1 ชุด แต่ไม่ทราบว่านำไปก่อเหตุที่ใด

ที่ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าควบคุมตัว ประเสริฐ ดาวสุข อายุ 56 ปี อาศัยอยู่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลาง อาวุธปืนเอเค 47 กระสุนปืน 30 นัด ได้ที่ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.อัยการศึก ได้พบตัว ประเสริฐ ภายในรถยนต์ซึ่งผ่านมาในบริเวณใกล้กับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ถนนอักษะ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น ก่อนพบอาวุธสงครามพร้อมของกลางทั้งหมด จึงประสานแจ้งให้ตำรวจ บก.ป.เข้าควบคุมตัวเพื่อสอบสวนดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม ประเสริฐ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าอาวุธของกลางทั้งหมดเป็นของใคร เพียงแต่ขับรถมาเพื่อจะรอรับภรรยา ซึ่งทำหน้าที่แม่ครัวให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมด้วย อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ

อีกด้าน เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการจากกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าควบคุมตัว เลิศ ไม้เก่า หรือ บุญเลิศ เรืองทิม แนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พิษณุโลก ขณะขับรถใน จ.พิษณุโลก โดยคุมตัวไปสอบสวนใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก

สำหรับ บุญเลิศ เป็นแกนนำสายฮาร์ดคอร์ของ นปช. จ.พิษณุโลก โดย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เคยปราศรัยสั่งการบนเวทีชุมนุม นปช.คนเสื้อแดง ที่สนามกีฬาราชมังคลาฯ ว่า ให้ไปดูแลการชุมนุมของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2556 ต่อมาได้เกิดเหตุปะทะกันและมีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงเสียชีวิต

ด้าน จตุพร กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ถนนอักษะ ว่า บุญเลิศ แนวร่วม นปช. จ.พิษณุโลก ถูกทหารจากกองทัพภาค 3 นำตัวไปสอบสวน จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยตัว

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ 76 % เห็นด้วยกับการประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเชื่อว่าท่าทีของผู้ชุมนุมจะเบาลง รองลงมา 50% เชื่อว่าจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลาย ทหารสามารถควบคุมดูแลได้ง่ายขึ้นและลดการปะทะ

ขณะที่ 47% ยังเชื่อว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกจะช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะทหารมีกองกำลังที่เข้มแข็ง มีอำนาจเด็ดขาด