posttoday

ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม กับการทำงานเพื่อชาติ

18 พฤษภาคม 2557

ในหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ หน้า 261 เล่มที่หนึ่ง และในหนังสือสารสินสวามิภักดิ์ หน้า 127

ในหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ หน้า 261 เล่มที่หนึ่ง และในหนังสือสารสินสวามิภักดิ์ หน้า 127 ซึ่งเขียนโดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ซึ่งได้พิมพ์เผยแพร่ออกมานั้น ได้ปรากฏข้อความที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของผู้เขียนและคณะผู้ค้นคว้าที่ระบุว่า นายไพโรจน์ ชัยนาม (ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม) ได้ถูกจับกุมในข้อหาอาชญากรสงครามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่วมกับจอมพล ป.พิบูลสงคราม และบุคคลอื่น แต่ในข้อเท็จจริง ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ไม่เคยกระทำการอันเป็นความผิดฐานอาชญากรสงคราม และไม่เคยถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวนี้แต่อย่างใด ผู้เขียน (วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย) และคณะผู้ศึกษาค้นคว้า จึงกราบขออภัยในความผิดพลาดนี้มายังทายาทของศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ทุกท่าน ด้วยความสำนึกในความผิดพลาดนั้นอย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม เกิดเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2454 เป็นบุตรของพระยาอุยภัยพิพากษา (เกลื่อน ชัยนาม) และคุณหญิงอุภัยพิพากษา (จันทน์ ชัยนาม) จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนวัดจักรวรรดิ และระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จบเนติบัณฑิตจากโรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และได้เนติบัณฑิตไทยในปี 2475 หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้เข้ารับราชการในกรมเลขาธิการคณะกรรมการราษฎร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แล้วย้ายไปรับราชการในกองการโฆษณา ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ในต้นปี 2476 ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกปาฐกถา สำนักงานโฆษณาการ และมีความก้าวหน้าในทางราชการตลอดมา จนได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดีกรมโฆษณาการ สำนักนายกรัฐมนตรี ในปี 2483 รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณา ในปี 2484 และเป็นอธิบดีกรมโฆษณาการ ในปี 2485

ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม นับเป็นหนึ่งในข้าราชการรุ่นแรกที่ไปช่วยบุกเบิกการทำงานของกองโฆษณาการที่รัฐบาลในขณะนั้นประสงค์จะให้เป็นหน่วยงานการประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ ของรัฐบาลและของโลกให้ประชาชนได้รับรู้ งานของสำนักงานโฆษณาการในระยะแรกเริ่ม นอกจากจะมีกองเผยแพร่ความรู้ ซึ่งมีหน้าที่พิมพ์เอกสารเผยแพร่แล้ว ยังมีแผนกแสดงปาฐกถาที่จัดให้มีการปาฐกถาให้ความรู้แก่ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แผนกวิทยุกระจายเสียงทั้งในและนอกประเทศ มีกองหนังสือพิมพ์ที่มีแผนกหนังสือพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ งานสำคัญแรกเริ่มของสำนักงานโฆษณาการ คือ งานติดต่อกับหนังสือพิมพ์สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ข่าวและคำชี้แจงของรัฐบาลไทยและการจัดการประชุมหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราวตามความประสงค์ของรัฐบาล คอยสดับตรับฟังการเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศและหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แล้วนำมาแปลเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ มีการตรวจข่าวและตัดข่าวทั้งไทยและต่างประเทศรายงานต่อคณะรัฐมนตรี จัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทำหนังสือคู่มือพลเมืองสอนสิทธิและหน้าที่พลเมืองตามแบบอย่างของต่างประเทศ โดยใช้ภาษาง่ายๆ สามารถจำหน่ายได้ถึงแสนเล่ม งานของสำนักงานโฆษณาการได้รับการปรับปรุงให้ก้าวหน้ามาเรื่อยๆ จนในปี 2481 ก็ได้เริ่มออกหนังสือ “ข่าวโฆษณาการ” นิตยสารดังกล่าวนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานค้นคว้าเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญในประเทศไทย ในช่วงที่ “ข่าวโฆษณาการ” ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ได้เป็นอย่างดี

ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม กับการทำงานเพื่อชาติ

 

เมื่อมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อตัวขึ้น และมีทีท่าว่าจะลุกลามมาถึงตะวันออกไกล ในราวกลางปี 2483 ซึ่งศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดีกรมโฆษณาการอยู่นั้น กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นศูนย์กลางที่ชุมนุมของบรรดาผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ทั้งวิทยุและหนังสือพิมพ์ซึ่งพากันหลั่งไหลเข้ามาสังเกตการณ์ในประเทศไทย โดยต่างฝ่ายต่างก็เข้ามาหาประโยชน์ทางการข่าวให้แก่ฝ่ายของตนเอง ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ต้องต้อนรับและพูดคุยกับทั้งผู้แทนจากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดแถลงข่าวในประเทศไทย และสื่อต่างประเทศทั้งอเมริกาและออสเตรเลียที่ขอเข้าพบ และสอบถามท่าทีของไทยเกี่ยวกับการบุกรุกของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศอย่างชาญฉลาดในลักษณะที่ปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่

ครั้นประเทศไทยต้องยอมจำนนต่อกองทัพญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2484 ในวันที่ 1 ม.ค. 2485 ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ก็ได้รักษาการแทนในตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการ กรมโฆษณาการได้ประกาศให้เพิ่มการกระจายเสียงภาษาต่างประเทศ เป็นภาษาพม่า ภาษามลายู ภาษาญี่ปุ่น (สัปดาห์ละ 2 ครั้ง) และภาษาอินเดียทุกวัน ทั้งยังได้สั่งให้หนังสือพิมพ์ส่งข้อความต่างๆ ไปให้เซ็นเซอร์เสียก่อน ก่อนที่จะนำออกไปตีพิมพ์ ทั้งนี้กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ายึดหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ซึ่งเป็นของอังกฤษ และหนังสือพิมพ์จีนตงง้วน ให้เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเข้าไปควบคุม กรมโฆษณาการจึงอนุญาตให้ออกหนังสือพิมพ์จีนชื่อไทยฮั้วเซียงปอ มีคนสัญชาติไทยเป็นบรรณาธิการ เพื่อให้มีหนังสือพิมพ์จีนเสนอข่าวและเรื่องราวในทัศนะของไทยอีกฉบับหนึ่ง

การทำงานในฐานะรักษาการอธิบดีกรมโฆษณาการในยุคที่ญี่ปุ่นเข้ามามีอำนาจอิทธิพลครอบงำไทยนั้น ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้ปฏิบัติงานอย่างละมุนละม่อม แม้จะไม่กระทำการสิ่งใดให้เป็นที่ขุ่นข้องหมองใจแก่ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่เคยทำสิ่งใดให้ชาติบ้านเมืองต้องเสียประโยชน์ ทางใดที่จะทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะได้รับความยากลำบากและมีอุปสรรคเพียงใด ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ก็จะทุ่มเทกำลังความสามารถหาหนทางทำให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีตลอดมา ด้วยการคำนึงถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศเป็นสำคัญ ได้ทำการประสานประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อไทยร่วมรบเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นแล้ว ทางฝ่ายไทยก็มีอิสระในการจัดกองทัพภาคพายัพอย่างเต็มที่ และได้เข้าโจมตีฉานของพม่า กองทัพไทยตีเชียงตุงได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่กองทัพญี่ปุ่นก็กำลังจะเข้าตีพม่า เมื่อกองทัพไทยได้ชัยชนะที่เชียงตุง คนไทยก็ดีใจกันมาก จึงได้มีการปล่อยข่าวทางวิทยุกระจายเสียงของประเทศไทยทันที เพื่อแสดงออกถึงความเป็นอิสระของกองทัพไทยว่ามิได้อยู่ภายใต้อาณัติของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงอธิปไตยและศักดิ์ศรีของคนไทย แต่ทางกองทัพญี่ปุ่นโกรธมาก เห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดข้อตกลงที่มีสัญญาระหว่างกันว่า ถ้ามีการออกข่าวใดๆ ฝ่ายไทยต้องแจ้งและประสานให้ทางญี่ปุ่นทราบก่อน ผู้ช่วยทูตทหารบกและรองเสนาธิการกองทัพญี่ปุ่นในขณะนั้นได้ไปต่อว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ละเมิดสัญญานั้น จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้เรียกศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม อธิบดีกรมโฆษณาการไปพบ และบอกว่าจะต้องหาผู้รับผิดชอบในเรื่องละเมิดสัญญากับญี่ปุ่นให้เป็นตัวตน และต้องดำเนินการอะไรสักอย่างให้ฝ่ายญี่ปุ่นเห็น แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงนามในคำสั่งตัดเงินเดือนอธิบดีกรมโฆษณาการ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ก็ยินดี เรื่องความไม่พอใจของญี่ปุ่นก็จบลง นับเป็นความเสียสละและเห็นแก่ประโยชน์ชาติบ้านเมืองของศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม อย่างน่าชื่นชม

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการพฤฒิสภา ในปี 2489 ต่อมาในเดือน ม.ค. 2490 ได้กลับไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโฆษณาการอีกครั้งหนึ่ง และโอนไปรับราชการกระทรวงการต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการ ในปี 2491 เป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ในปี 2493 จากนั้นก็ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศอีกหลายประเทศ จนกระทั่งได้รับตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงการต่างประเทศในปี 2504 ในปี 2505-2510 เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แล้วออกไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำประชาคมเศรษฐกิจยุโรป เป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีสและกรุงลิสบอน

ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม มีราชการพิเศษมากมาย ซึ่งล้วนแล้วมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น เกียรติคุณของศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ที่ทำไว้ ทำให้ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้รับพระราชทานปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตทางการทูต และปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2509 และปี 2526

ในปี 2533 ได้รับเข็มเกียรติยศในฐานะเป็นศิษย์เก่าผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในด้านวิชาการกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมหาชน และกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในปี 2536 ได้รับยกย่องให้เป็นอัสสัมชนิกที่ดีเด่นในโอกาสที่โรงเรียนอัสสัมชัญมีอายุครบ 108 ปี และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เมื่อปี 2510 ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี 2536 ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ขณะมีอายุได้ 82 ปีเศษ

ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม สมรสกับคุณหญิงบรรเลง ชัยนาม (สกุลเดิม กันตะบุตร) มีบุตร 5 คน บุตรชาย 4 คน คือ ดร.ศุภศิลป์ ชัยนาม อัษฎา ชัยนาม อภิพงศ์ ชัยนาม และสุรพงษ์ ชัยนาม ล้วนแล้วแต่ได้ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองโดยส่วนรวมในราชการกระทรวงการต่างประเทศด้วยความรู้ความสามารถและซื่อสัตย์สุจริต ทำหน้าที่เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ อย่างเต็มภาคภูมิจนกระทั่งเกษียณอายุราชการ เฉกเช่นศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ด้วยกันทุกคน

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด แอสตัน วิลล่า พบ แมนยู พรีเมียร์ลีก วันนี้ 21 ธ.ค.68