โศกนาฏกรรมที่เวิ้งนาครเขษม...วันนี้มีแต่น้ำตา
ความตายของเสี่ยห้างดนตรีย่งเส็ง ไม่เพียงเป็นข่าวสะเทือนใจ แต่ยังสะท้อนถึงภาวะทุกข์ระทมที่ผู้ประกอบการชาวเวิ้งนาครเขษมกำลังเผชิญ
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
ความตายของเสี่ยห้างดนตรีย่งเส็ง ไม่เพียงเป็นข่าวสะเทือนใจต่อผู้คนในสังคมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภาวะทุกข์ระทมที่ผู้ประกอบการชาวเวิ้งนาครเขษมกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ด้วย
หลังจากที่ 'เวิ้งนาครเขษม' ที่ดินทำเลทองขนาด 14 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธวงศ์ กทม. ได้รับโอนกรรมสิทธิ์จากสำนักงานบริพัตร สู่บริษัททีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด กลุ่มของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ด้วยมูลค่า 4.5 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2555
ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้า 440 ราย 287 สัญญาเช่า รวมถึงชาวบ้านหลายสิบครัวเรือน ต้องประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยทางเลือกมีเพียง 2 ทางคือ 'เช่าที่ดินใหม่' หรือ 'ย้ายออก' ทั้งที่อาศัยทำมาหากินอยู่ที่นี่มานานนับร้อยปีตั้งแต่สมัยรุ่นบรรพบุรุษ
เดิมทีที่ดินผืนนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้ขุดสระน้ำขนาดใหญ่ สร้างเป็นสวนหย่อมให้คนในพระบรมมหาราชวังและประชาชนละแวกนั้นไว้พักผ่อนหย่อนใจ จนถูกเรียกว่า "วังน้ำทิพย์" ซึ่งต่อมาได้พระราชทานที่ดิินผืนดังกล่าวแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ครั้นเมื่อครั้งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กระแสนิยมตะวันตกกำลังแพร่หลาย เวิ้งนาครเขษมถือเป็นแห่งแรกที่นำเข้าเครื่องดนตรีสากลจากต่างประเทศมาขายในราคาประหยัดแต่มากด้วยคุณภาพ ร้านเก่าแก่มีชื่อเสียง ได้แก่ ย่งเส็ง ฮงเซ้ง จิ้นเฮงหลี ไทยพัฒนสิน (จิ้นเส็ง) แต้เซ่งฮง เอเซียมิวสิค ทั้งหมดล้วนสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่น
หนึ่งในนั้นก็คือ เฮียโต-นายชัชวาล อัศวโสภณ เจ้าของห้างดนตรีย่งเส็ง รุ่นที่ 3
ร้านขายเครื่องดนตรีย่งเส็ง มีอายุมากกว่า 60 ปีมาแล้ว ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นปู่ เริ่มแรกเปิดเป็นร้านรับและซื้อของเก่า ต่อมาปี 2490 บุตรชายคือ ประสิทธิ์ อัศวโสภณ ได้เข้ามาช่วยบริหารงานในร้าน และเริ่มนำเครื่องดนตรีสากลจากห้างฝรั่งชื่อร้าน "Eastern Piano" มาขาย จนมีลูกค้ามากหน้าหลายตา ไม่ว่าหน่วยงานราชการ นักเรียนนักศึกษา นักดนตรีชื่อดัง ไปจนถึงศิลปินแห่งชาติ
ปัจจุบัน บริหารงานโดยเจเนอเรชั่นที่ 3 คือ นายชัชวาล อัศวโสภณ หรือเฮียโต ซึ่งได้พัฒนากิจการด้วยการเป็นผู้นำเข้าเครื่องดนตรีระดับโลกจากทั่วทุกมุมโลก ภายหลังประสบปัญหาถูกไล่ที่เมื่อปี 2555 จนเกิดความเครียด ก่อนหายตัวออกจากบ้าน กระทั่งมีผู้พบศพของเขาลอยมาติดท่าน้ำวัดระฆังโฆษิตาราม เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ปิดฉากชีวิตเจ้าของร้านดนตรีอันลือลั่นไปอย่างน่าเศร้า
วิศิษฐ์ เตชะเกษม แกนนำชุมชนเวิ้งนาครเขษม เล่าถึงสถานการณ์ล่าสุดให้ฟังโดยสังเขปว่า
"พื้นที่เวิ้งนาครเขษมที่จะถูกไล่รื้อ ต้องย้ายออก มีทั้งหมด 6 โซน แต่โซนที่ 1 ที่ประกอบด้วยชาวบ้าน 37 ครอบครัว ถูกกำหนดให้ย้ายออกตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งกะทันหันมาก เพราะเพิ่งได้รับแจ้งเมื่อเดือนมีนาคม เราก็ค้านว่าให้ย้ายออกภายในเดือนเดียวมันเป็นไปไม่ได้ ทางฝ่ายโน้นก็เลื่อนให้เป็นเดือนกรกฏาคม 2557
เราขอประวิงเวลาออกไปด้วยเหตุผล 3 ประการ 1.ธรรมชาติการค้าขายในเวิ้ง เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคมจะคึกคักเป็นพิเศษ 2.เดือนธันวาคมของทุกปี พวกเราจะยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่งที่มีมาแต่รุ่นปู่รุ่นย่านั่นคือ การไหว้เจ้า ทุกบ้านทุกหลังคาเรือนจะไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ศาลเจ้าประจำบ้าน จากนั้นก็จะมาไหว้ศาลเจ้าประจำเวิ้งนาครเขษม เพื่อความเป็นสิริมงคล 3.หลังปีใหม่เป็นต้นมา ก็เข้าสู่ช่วงกิจการทำมาค้าขึ้น ไล่ไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน โดยสรุปแล้วกำหนดที่จะให้ย้ายออกมันสัมพันธ์กับช่วงค้าขาย ฉะนั้นเราจะขอให้ยืดเวลาไปจนถึง 20 มีนาคม 2558 นี่คือเรื่องที่เราเสนอไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา"
ยังไม่ทันได้ข้อสรุป กลับกลายเป็นว่าอีกสองวันถัดมาได้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียของนายห้างดนตรีชื่อดังเสียก่อน โศกนาฏกรรมที่ตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วิศิษฐ์ยอมรับว่าการเสียชีวิตของเฮียโตแห่งเวิ้งนาครเขษม สร้างความกังวลใจแก่ฝ่ายบริษัททีซีซี เวิ้งนาครเขษม ผู้เป็นเจ้าของที่ดินเป็นอย่างมาก
"การเสียชีวิตของเฮียโต ทำให้สังคมพูดกันถึงเรื่องการที่นายทุนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชุมชน มันจะส่งผลต่อทิศทางการวางผังเมือง การขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตข้างหน้าว่าคุณจะทำอะไร คุณต้องคิดให้มากกว่านี้ แต่เราจะไม่ไปโหนกระแส ไม่เอาเรื่องนี้ไปเป็นข้อต่อรอง เราต่อรองด้วยเหตุผลของความเป็นอยู่ ด้วยเหตุผลของการค้าขาย"เขาย้ำ
เวลานี้หลายคนก็เตรียมตัวย้ายไปยังที่อื่นบ้างแล้ว ขณะที่อีกหลายคนยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
"บางคนเตรียมตัวไปซื้อที่อื่นแล้ว บางคนที่ไม่ไปเขาก็ยินดีจะอยู่ต่อ เรื่องการขึ้นค่าเช่าเราไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องมีเวลาให้เราเตรียมตัว คนที่จะอยู่ตรงนี้คือคนที่ถือว่าเขาสืบทอดเจตนารมณ์ปู่ย่าตายาย เราไม่ได้เป็นคนที่มาเช่าใหม่ แต่เราอยู่มาเป็นร้อยปี เราเป็นผู้มีส่วนในการสร้างเมืองนี้ขึ้นมา อาคารบ้านเรือนที่เราอยู่ พวกเราสร้างกันขึ้นมาเอง มันมีความผูกพันมากมาย กว่าจะมาถึงวันนี้"
ในฐานะตัวแทนของชาวเวิ้งนาครเขษม เขายืนยันว่าชาวเวิ้งทุกคนไม่เคยก่อม็อบ ไม่เคยประท้วง มีแต่ติดต่อขอเจรจาและพร้อมที่จะชำระเงิน
"เราไม่่ได้หวังอะไรเป็นพิเศษ เพราะมันไม่มีความหวังใดๆอยู่แล้ว เราไม่ได้ขออะไรมากเกินไป เพียงต่อขอในสิ่งที่มันเป็นเหตุผล นั่นคือขอให้ยืดเวลาออกไปให้พวกเราได้เตรียมตัวเท่านั้นเอง"
ทั้งหมดนี้คือคำเรียกร้องของชาวเวิ้งนาครเขษมที่จะต้องการจะส่งข้อความไปยังเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และบริษัททีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด ให้ได้พิจารณาอีกครั้ง.


