ญาติเหยื่อระเบิดกปปส.ไม่กล้ารับเงินเยียวยาคุ้มครองสิทธิ

ญาติเหยื่อระเบิดหวั่นกระทบเคลื่อนไหวกปปส.ไม่กล้ารับเงินเยียวยาคุ้มครองสิทธิ  ด้านอธิบดีคุ้มครองสิทธิเซ็งเหตุขัดแย้งการเมืองทำให้คนเสื้อสองสีระแวง         

วันที่ 15 พ.ค.  พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์  อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้ากรมคุ้มครองสิทธิฯประสานให้ความช่วยเหลือในการจ่ายเงินเยียวยาแก่ญาติ นายสมควร  นวนขนาย  อายุ 51 ปี ชาวชุมพร ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธกราดยิงใส่ผู้ชุมนุมกปปส. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายบุญญฤทธิ์  นวนขนาย  อายุ 27 ปี บุตรชายนายสมควรเป็นตัวแทนรับมอบเงินซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เป็นเงิน 100,000 บาท เนื่องจากผู้เสียชีวิตไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด  อย่างไรก็ตาม  หลังเดินทางมารับเงินตามที่ได้รับการประสานแจ้งสิทธิตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯปรากฏว่าบุตรชายของนายสมควรตัดสินใจยังไม่ขอรับเงินดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติได้

ทั้งนี้ญาติได้ตั้งข้อสงสัยถึงเงินที่จะได้รับและไม่สบายใจที่ได้รับเงิน  เนื่องจากยังไม่เคยทราบว่าผู้เสียชีวิตมีสิทธิจะได้รับเงินเยียวยาในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อรูปคดีและภาพลักษณ์โดยรวมการเคลื่อนไหวของกปปส. โดยญาติที่เดินทางมาด้วยกันแนะนำให้กรมคุ้มครองสิทธิฯประสานไปยังนายชุมพล  จุลใส  แกนนำกปปส.เพื่อทำความเข้าใจกับญาติ

ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ ชี้แจงว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นตามสิทธิที่ผู้เสียชีวิตต้องได้รับตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯ เพราะถือว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และกรมคุ้มครองสิทธิฯประสงค์ที่จะจ่ายให้ตามสิทธิแต่หากญาติไม่ต้องการรับก็เป็นสิทธิที่จะปฏิเสธ   อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวทำให้ทราบว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้รุนแรงส่งผลให้หวาดระแวงไม่ไว้ใจกันและแบ่งแยกสีชัดเจน  จนไม่กล้าจะรับเงินช่วยเหลือทั้งที่เป็นสิทธิตามกฎหมาย กรมคุ้มครองสิทธิฯมีหน้าที่จ่ายเงินช่วยเหลือกับคนทุกกลุ่มทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง  ที่ผ่านมาเคยจ่ายเงินเยียวยากรณีการเสียชีวิตของนายกมล  ดวงผาสุข หรือไม้หนึ่ง ก.กุนที ก็ถูกกปปส.นำไปพาดพิงบนเวที  แต่พอจ่ายเงินให้กับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมกปปส.ก็ถูกปฏิเสธ  ทั้งนี้หากญาติยังไม่ประสงค์รับเงินในทันทีก็ต้องรอทำเรื่องรับเงินตามสิทธิภายใน 180 วัน

ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 รายจากเหตุการณ์เดียวกันคือนายนรายศ  จันทร์เพ็ชร อายุ 21 ชาวจ.สุราษฎร์ธานี กรมคุ้มครองสิทธิฯประสานแจ้งสิทธิแล้ว  โดยญาติผู้เสียหายระบุว่ายังติดภารกิจนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด  แต่จะมารับเงินในภายหลัง  ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บในช่วงบ่ายวันนี้(15 พ.ค.) เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯจะเดินทางไปพบเพื่อแจ้งสิทธิและรับคำร้องเพื่อขอรับเงินเยียวยาที่โรงพยาบาล