นางฟ้าผวา!"หื่นกลางอากาศ"ภัยเงียบบนเครื่องบิน
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่กระทำการคุกคามทางเพศล้วนอยู่ในสภาพมึนเมา มีทั้งที่เมาก่อนขึ้นเครื่อง และบางส่วนเมาหลังจากดื่มบนเครื่อง
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
ชุดเครื่องแบบแอร์โฮสเตสอันงามสง่า นอกจากจะขับความสวยของเหล่านางฟ้าให้เด่นชัดขึ้นแล้ว ยังบ่งบอกถึงแฟชั่นรสนิยมด้วย แต่อีกด้านหนึ่งชุดที่สั้นรัดรูปเซ็กซี่เกินไปก็ถูกมองว่าสุ่มเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ชุดเครื่องแบบแอร์โฮสเตสสำคัญไฉน?
เมื่อเร็วๆนี้มีประเด็นที่เรียกเสียงฮือฮาในแวดวงสายการบินโลก เมื่อเว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานข่าวว่ากลุ่มแอร์โฮสเตสของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ออกมาเรียกร้องให้สายการบินออกแบบเครื่องแบบสำหรับลูกเรือหญิงใหม่ เนื่องจากเครื่องแบบมีการเปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไปอาจทำให้ลูกเรือถูกลวนลามได้ง่าย
"ชุดเครื่องแบบของลูกเรือหญิงนั้น มีเสื้อที่สั้นเกินไป เมื่อใดก็ตามที่ก้มลงหยิบอาหารออกจากรถเข็นหรือโค้งตัว เสื้อก็จะเลิกขึ้นจนเห็นเอว เช่นเดียวกับกระโปรงที่ฟิตจนเกินไป นี่คงเป็นความตั้งใจของสายการบินที่จะทำให้ลูกเรือหญิงดูเซ็กซี่ขึ้น เพื่อเป็นอาหารตาแก่ผู้โดยสาร"มิเชล ชอย เลขานุการกิตติมศักดิ์ ของสมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (FAU) ตัวแทนของกลุ่มลูกเรือ กล่าว
แต่ละสายการบินจะมีการออกแบบเครื่องแบบการแต่งกายของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ โดยใช้บริการดีไซเนอร์ชื่อดัง ชุดของลูกเรือเหล่านี้นอกจากจะเอื้อประโยชน์ในการทำงานแล้ว ยังเปรียบเสมือนเป็นหน้าตาขององค์กรด้วย
เมื่อปี 2553 เว็บไซต์สกายสแกนเนอร์ ได้จัดอันดับเครื่องแต่งกายของแอร์โฮสเตส โดยเครื่องแต่งกายของแอร์โฮสเตสสาวที่ดูดีมีสไตล์มากที่สุดอันดับที่ 1 คือ เครื่องแบบของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ อันดับ แอร์ ฟรานซ์ จากฝรั่งเศส อันดับ 3 บริติช แอร์เวย์ อันดับ 4 สายการบินไอบีเรีย จากสเปน อันดับ 5 อลิตาเลีย ของอิตาลี อันดับ 6 สแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ ซิสเตม อันดับ 7 เดลตา แอร์ไลน์ อันดับ 8 แอโรโฟลต จากรัสเซีย อันดับ 9 เจ็ต แอร์เวย์ ของอินเดีย และอันดับ 10 ลุฟต์ฮันซา จากเยอรมนี
แอร์โฮสเตสหลายคนให้ความเห็นตรงกันว่าเครื่องแบบที่เปิดเผยเนื้อตัว แลดูเซ็กซี่จนเกินไป จะเอื้อให้เกิดกรณีผู้โดยสารล่วงละเมิดทางเพศพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมากขึ้น
ลองมาฟังความเห็น สุภัทชาญาณ์ ทับทิมเทศ ผู้จัดการแผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินไทยแอร์เอเชีย อธิบายถึงระเบียบเรื่องเครื่องแต่งกายของไทยแอร์เอเชียว่า
"ยูนิฟอร์มที่ทางไทยแอร์เอเชียใช้เป็นยูนิฟอร์มเดียวกันกับแอร์เอเชียของประเทศอื่นๆ เราจะสั่งตัดไม่ให้รัดกับสรีระของลูกเรือ แต่ยังคงความคล่องตัวในการทำงานอยู่ ความยาวของกระโปรงไม่ได้สั้นจนเกินไป นอกจากนี้เรายังมีทีมงานที่ตรวจสอบความเหมาะสมของยูนิฟอร์มลูกเรือเสมอ เพื่อให้ถูกต้องและสวยงาม ถือเป็นการป้องกันปัญหาขั้นตอนแรก
เนื่องจากลูกเรือส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่รูปร่างและหน้าตาค่อนข้างดี ทางสายการบินได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะโดนลวนลามทางเพศ จึงกำหนดให้เครื่องแบบ ไม่รัด ไม่สั้นจนเกินไป ที่จะยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอยู่แล้ว ทุกๆเที่ยวบิน เราจะพยายามจัดใหัมี “ลูกเรือผู้ชาย” บนเครื่อง เพื่อช่วยกันดูแลทั้งผู้โดยสารและเพื่อนร่วมงานค่ะ เวลาทำงาน เราจะบอกให้ลูกเรือระมัดระวังกิริยา ท่าทาง ให้มีความเหมาะสม และไม่ใกล้ชิดผู้โดยสารจนเกินไป"
"คุกคามทางเพศ"ภัยเงียบบนเครื่องบิน
จากผลการศึกษาเรื่อง “ประสบการณ์คุกคามทางเพศจากการทำงาน กรณีศึกษา ลูกเรือของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)” โดย ชุดาปณี ชิบายาม่า นักศึกษาปริญญาโท โครงการสตรีศึกษา สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้สัมภาษณ์เชิงลึกพนักงานแอร์โฮสเตสของบริษัทการบินไทยเมื่อปี 2548 จำนวน 50 คนถึงการถูกคุกคามทางเพศจากการทำงาน สามารถแบ่งได้เป็น 3 พฤติกรรม ดังนี้
คุกคามทางวาจา เช่น การพูดจาส่อในเรื่องเพศ ใช้คำพูดหยาบคาย โดยหากเป็นแอร์โฮสเตสที่มีอายุ จะถูกลูกค้าใช้ถ้อยคำหยาบคาย เช่น “อีแอร์แก่” หรือหากเป็นแอร์โฮสเตสสาว จะถูกแทะโลม เช่น ชวนไปกินข้าว ขอหมายเลขโทรศัพท์
คุกคามโดยแสดงท่าทาง เช่น ทำตาหวาน จ้องมองหน้าอก รูปร่างหน้าตา มีผู้โดยสารชายนำกระดาษมาวาดรูปอวัยวะเพศชายแล้วชี้ให้พนักงานดู หรือการวาดรูปหญิงชายกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน รวมไปถึงการที่ผู้โดยสารชายใช้วิธีรูดซิปกางเกงและโชว์อวัยวะเพศ ลักษณะเหมือนพวกโรคจิต
คุกคามทางร่างกาย เช่น จับมือ ลวนลาม จับบั้นท้าย ใช้นิ้วกลางจับหรือลูบไล้มือแอร์โฮสเตสขณะเสิร์ฟอาหาร เป็นต้น
"หลังกรณีอดีตข้าราชการซี8แตะอั๋งแอร์การบินไทยจนเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะเงียบซาไป แต่ในความเป็นจริงแล้วปัญหายังมีอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครฟ้องร้องเอาเรื่องจนเป็นข่าวเท่านั้นเอง เราได้ทำโครงการวิจัยเรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน โดยสัมภาษณ์พนักงานบริษัทการบินไทยตั้งแต่ภาคพื้นดินจนถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 308 คน เมื่อปี 2554 พบว่าหลายคนเคยถูกคุกคามทางเพศจากหัวหน้างาน เพืื่อนร่วมงาน และผู้โดยสาร"คำบอกเล่าของ นัยนา สุภาพึ่ง นักสิทธิมนุษยชน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิทธิสตรี
ยกตัวอย่าง ประสบการณ์ของพนักงานหญิงที่ถูกกระทำโดยหัวหน้างาน
"เนื่องจากห้องทำงานเป็นห้องส่วนตัว มีประตูปิด ผู้บังคับบัญชาได้เรียกเข้าพบในเวลางานเพื่อประเมินผลการทำงาน แล้วสั่งให้ปิดประตูเพื่อที่จะไม่ให้เสียงดังออกไปภายนอก หลังจากกล่าวขอบคุณผู้บังคับบัญชา และกำลังจะเดินออกจากห้อง ผู้บังคับบัญชาได้เดินตามมาแล้วหอมแก้ม บอกว่า ขอแทนคำขอบคุณ" /"PURSERเอามือมาปัดบริเวณกระเป๋าที่อกด้านซ้าย แล้วบอกว่าปัดน้ำตาลให้" /"หัวหน้างานนั่งมองเรายืนกินข้าวในชุดไทย แล้วพูดว่า “...พี่ก็รูปร่างใช้ได้เหมือนกันนะ”/ "หัวหน้างานพูดจาลวนลาม “มาหอมแก้มพี่หน่อย” /"หัวหน้างานชายหลายท่านชอบแตะเนื้อต้องตัว สิ่งที่เราทำได้คือ หลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้"
ถูกกระทำจากเพื่อนร่วมงาน "เพื่อนร่วมงานชายพยายามถูกตัวทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ทั้งๆที่เลี่ยงได้ บางครั้งแอบแซวผู้โดยสารหญิงในครัว(บนเครื่องบิน) จนทำให้เราอึดอัดด้วย" /"พี่สจ๊วตโทร.มาขอมากินเหล้าด้วยกัน"/ "โดนโอบจากทางด้านหลัง"
ถูกกระทำจากผู้โดยสาร "ผู้โดยสารพูดจาลวนลาม ขอเบอร์โทร."/ " ผู้โดยสารสะกิดก้นเรียก" /"ผู้โดยสารตั้งใจกุมมือเวลายื่นถาดให้ ซึ่งถาดมีขนาดใหญ่พอที่จะจับส่วนที่ว่างได้" เป็นต้น
นัยนาบอกว่าน่าเป็นห่วงที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่แน่ใจ หรือไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก 'คุกคามทางเพศ'
"พูดให้เข้าใจง่ายๆ คำว่าคุกคามทางเพศจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณรู้สึก 'ไม่พอใจ' และ 'ไม่ต้องการ'จากการกระทำนั้น เมื่อรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ อยากจะโวย หรือหนีไปให้ห่างๆ นั่นแหละคุณกำลังถูกคุกคาม"
ระวังให้ดีพวกขี้เมา
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่กระทำการคุกคามทางเพศล้วนอยู่ในสภาพมึนเมา มีทั้งที่เมาก่อนขึ้นเครื่อง และบางส่วนเมาหลังจากดื่มบนเครื่อง ส่วนน้อยมากที่ไม่ดื่มแต่ก็คุกคามทางเพศด้วย โดยพบว่าผู้ที่เมามาก่อนขึ้นเครื่องจะเรียกให้เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดื่มต่อทันที ส่งผลให้พฤติกรรมคุกคามลวนลามทางเพศยิ่งมากและรุนแรงกว่าเดิม
สอดคล้องกับที่ แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ อดีตนายกสมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่อง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการคุกคามทางเพศ ทั้งยังเคยเสนอให้ลดปริมาณในการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทน คือ ให้ปิดบริการหรือหยุดเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ หลังจากบริการอาหารเรียบร้อยแล้ว 1 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของทั้งลูกเรือและผู้โดยสารทุกคน แต่่การจะให้งดเสิร์ฟคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากวัฒนธรรมชาวตะวันตกนิยมดื่มเล็กน้อยเพื่อสุขภาพ
เป็นแอร์ฯต้องอดทน
ใครจะเชื่อว่าอาชีพในฝันของสาวๆอย่างแอร์โฮสเตส สวย เลิศ ได้เดินทางรอบโลก แถมยังรายได้ดี อีกด้านหนึ่งกลับต้องเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศไม่น้อยไปกว่าอาชีพอื่น
"เรื่องเครื่องแบบ คิดว่ามีส่วนนะแต่คงไม่มาก ถ้าคนมันหื่นจริงๆต่อให้ใส่อะไรมันก็อยากจะลวนลาม ต่อให้ใส่เครื่องแบบมิดชิด แต่ธรรมชาติแอร์ จะสวย แต่งหน้าทาปาก ดูเซ็กซี่ๆ ก็ชวนให้มองอยู่ดี เคยโดนแบบชวนกินข้าว ยูมาประเทศไอสิ ไอจะพาเที่ยว ขอเบอร์โทรศัพท์ ที่เจอบ่อยอีกอย่างคือชอบยืนขวางทางเดิน โอเค แม้การโดนตัวกันเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็ต้องป้องกันตัวเอง ใช้มือปิดอก ไม่ก็ให้เขาผ่านไปก่อน"เนเน่ แอร์โฮสเตสสาวสายการบินแห่งหนึ่ง เล่าให้ฟัง
ขณะที่ หยก แอร์โฮสเตสอีกราย บอกว่ากรณีข่าวที่เกิดขึ้นกับสายการบินคาร์เธย์ แปซิฟิก ผู้บริหารควรนำข้อเรียกร้องดังกล่าวไปพิจารณา เพื่อปกป้องพนักงานจากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศบนเครื่องบิน
"ถ้ายูนิฟอร์มที่ถูกออกแบบโดยบริษัท ดูล่อแหลมเกินไป ลูกเรือก็มีสิทธิที่จะร้องขอให้ เปลี่ยนลักษณะเครื่องแบบใหม่ให้ดูเหมาะสม แต่หากว่าทางบริษัทออกแบบให้ดูดี เหมาะสมแล้ว แต่ตัวแอร์เสียเองที่เอาไปแก้ไข ให้ล่อแหลมเอง ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้เหมือนกัน เพราะมันขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้สวมใส่ด้วย"
เมย์ แอร์โฮสเตสสาวอีกราย เล่าว่าที่ผ่านมาไม่เคยประสบเหตุการณ์ถูกลวนลาม แต่เคยมีเพื่อนร่วมงานมาปรับทุกข์ให้ฟังเป็นประจำ
"เท่าที่เห็น พวกที่เจอบ่อยๆจะเป็นพนักงานอายุน้อยๆสวยๆ ใสๆ พูดจาต่อปากต่อคำสนิทสนมกับผู้โดยสาร สายการบินเราไม่เสิร์ฟเหล้า แต่ก็มีผู้โดยสารที่เมาขึ้นเครื่องมาทำตัวชีกอ พอเกิดเรื่องเรามักใช้วิธีสับเปลี่ยนตำแหน่ง บางสายการบินก็ให้สจ๊วตชายทำหน้าที่แทน"
ปัจจุบัน ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายใดคุ้มครองสิทธิผู้หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศ นอกจากการแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหากระทำการอนาจาร และกฎหมายคุ้มครองแรงงานไทย มาตรา 16ที่ระบุโทษเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับนายจ้างลูกจ้างเท่านั้น ไม่ครอบคลุมข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ เมื่อเกิดปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน พนักงานจำนวนไม่น้อยเกิดความรู้สึกเห็นใจ อยากจะช่วยเหลือเพื่อน แต่บางคนกลับเลือกที่จะอยู่เฉยๆปล่อยให้เรื่องผ่านไป เนื่องจากอับอายขายหน้า ยุ่งยาก และกลัวผลกระทบที่จะตามมา อีกทั้งเมื่อร้องเรียนต่อหัวหน้างานกลับไม่มีมาตรการลงโทษเด็ดขาดตามที่หวังไว้
ข้อเสนอแนะจากนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี
นัยนา สุภาพึ่ง ยกตัวอย่างกรณีที่แอร์โฮสเตสสาวการบินไทยลุกขึ้นมาต่อสู้แจ้งความดำเนินคดีต่ออดีตข้าราชการซี 8 ข้อหาอนาจาร ดังที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปี 2546 จนได้รับยกย่องให้เป็นสตรีดีเด่น
"ต้องเด็ดเดี่ยว อย่ากลัวที่จะต่อสู้กับความจริง อย่าอาย ต้องกล้าที่จะเรียกร้องสิทธิให้ตัวเอง เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ไปล่วงละเมิดกับคนอื่นอีก ขณะเดียวกันทางผู้บริหารสายการบินก็ควรมีกลไกในการช่วยเหลือพนักงานให้มากกว่านี้ เปิดโอกาสให้เขาได้พูด เพราะผู้หญิง เป็นฝ่ายที่เสียหาย ได้รับความอับอาย ต้องช่วยเหลือเขาทุกกรณี ไม่ว่าจะแนะนำนักกฏหมายมาให้คำปรึกษา ให้ลาหยุด หรือออกมาตรการลงโทษผู้โดยสารที่ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด"
ในส่วนกรณีพนักงานต้อนรับสายการบิินคาร์เธย์ แปซิฟิกรวมตัวกันออกมาเรียกร้้องให้เปลี่ยนเครื่องแบบการแต่งกาย เพื่อป้องกันปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ เธอบอกว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินอื่นๆในแง่ของการรวมกลุ่มกันเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเองจากภัยคุกคามทางเพศจากการทำงาน
ที่มาภาพ : http://www.frendz4m.com/forum/showthreads-28-0-5506026--40.htm


