"ทุกอย่างไม่อยู่คงทน"เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
19 ปีเต็มที่เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สร้างวัดร่องขุ่นด้วยหนึ่งสมอง สองมือ และหัวใจทั้งดวง วันนี้แม้ต้องเผชิญกับช่วงเวลายากลำบาก แต่เขาก็ยังยิ้มได้
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
ข่าวการประกาศปิดวัดร่องขุ่น จ.เชียงรายอย่างไม่มีกำหนดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2554 สร้างความสะเทือนใจแก่คนไทยทั้งประเทศ
จากพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเขาใช้เวลา 19ปีเต็มเนรมิตให้กลายเป็นวัดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจาก 3 สิ่ง ประกอบด้วย ชาติ ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ศาสนา ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ จากการเข้าเฝ้าฯถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชหลายครั้ง ทำให้เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมากจากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจึงปรารถนาที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน จนปัจจุบันวัดร่องขุ่นกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดคนจากทั่วโลกเข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี
ล่าสุดคลิปวีดีโอที่ถ่ายโดยคุณ Uthai Ranghuricha และถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเปิดเผยความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจของเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ออกมาอย่างหมดเปลือก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
"เมื่อวันก่อน ตอนเย็นที่หนักๆ ผมเห็นแล้วว่ามันเสียหายมาก ก็คิดว่าเสียหายยังไงก็พอซ่อมแซมได้ ปรากฏเช้าขึ้นมา เจอตอน 7 โมงเช้า สองดอก เรียบร้อย ตอนนี้เละ ทุกอย่างพังหมด ที่เอียงอยูหักเลย ที่เอียงนิดเดียวก็โน้ม ทุกอย่างมีปัญหาหมดในเขตพุทธาวาส ตั้งแต่โบสถ์ หอพระธาตุ สะพานสุขาวดีหักเลย ต้องรื้อทิ้ง หอพระพุทธรูปสี่ทิศเรียบร้อย...จบ ทั้งแถบเลย เห็นอย่างนี้ท่านผู้ชมอาจมองว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย แค่ยอดหักก็ซ่อมได้ แต่จริงๆมันไม่ใช่แค่ยอดหักนะครับ มันเป็นเรื่องของโครงสร้าง ซึ่งผมจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาว่าจะแก้ไขซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ไหม จริงๆแล้วเรื่องลวดลายมันซ่อมแซมได้ หลังคา กระเบื้องซ่อมแซมได้ ยอดที่หักซ่อมแซมได้ แต่ว่าสิ่งที่ซ่อมแซมไม่ได้คือโครงสร้างของอาคารทั้งหมด อันนั้นสำคัญกว่า ซึ่งผมต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
ไอ้ที่ผมพูดไป ไม่ไหวแล้ว ไม่ทำแล้ว อันนั้นเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเราทำไม่ได้แล้ว แต่ยังไม่ได้สำรวจนะ มองด้วยตาผมเอง ตอนนี้มันพังลงไปเยอะ เราก็ต้องรอให้อาฟเตอร์ช็อกมันหมดไปใน 3 วันนี้ค่อยเข้าไปตรวจดูว่าพอมีอะไรให้เราแก้ไขได้ไหม ถ้ามันแก้ไขไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยทิ้งล่ะครับ ให้เป็นอนุสรณ์ของการเตือนแผ่นดินไหว วัดร่องขุ่นเคยสวยงาม วันนึงต้องมาจบลงเพราะแผ่นดินไหว เสียหาย ไม่สามารถบูรณะกลับคืนมาได้ เราก็คงทิ้งให้เป็นอย่างนี้ ดูแลต่อไป แต่คงไม่ให้เข้าใกล้ ถ่ายรูปกันไป ผมก็คงไปสร้างข้างหลัง แต่ตอนนี้อายุ 60 แล้ว (หัวเราะ) ไม่ใช่ 42 เหมือนตอนมาที่นี่
ผมมาที่นี่ตอนอายุ 42 ผ่านไป 19 ปี หมดเงินไปหนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน ถามว่าเสียหายมากขนาดไหน ถ้าคิดเป็นเงินก็ขนาดนั้นแหละ แต่ที่เสียหายคงเป็นเรื่องคุณค่ามากกว่า เพราะว่าศิลปะนั้นสร้างด้วยเงินหนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน แต่ว่าค่าของมันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านล้าน ดังนั้นมันจึงแพงกว่า แพงตรงคุณค่าของงานศิลปะต่างหาก ดังนั้นการลงทุนถือเป็นการลงทุนน้อย แต่ผลงานระดับโลก มีค่ามาก ถ้าให้ฝรั่งประเมินราคาวัดร่องขุ่นมันประเมินไม่ได้ มันไม่มีทางประเมินได้เพราะนี่คืิองานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสถานที่ที่ทุกคนปรารถนาจะมาเที่ยวที่นี่ ดังนั้นเราก็คงจะอนุรักษ์และรักษาเท่านี้ เราก็คงไม่ทำอะไรเพิ่มเพราะมันอันตราย การสร้างและกลับมาใหม่ได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปลอดภัยไหม อันนั้นต่างหาก ถ้าไม่ปลอดภัยก็ไม่ควรทำ
ทีนี้ผมขอเวลาพี่น้องจะให้คำตอบอีก 5-6 วันข้างหน้า ไม่เกิน 10 วันว่าเราจะทำยังไงกับวัดร่องขุ่นของเรา ไม่ใช่วัดของผมนะครับ วัดนี้เป็นของพี่น้องคนไทยทุกคน เป็นสินสมบัติของพี่น้องประชาชนไทยทุกคน ผมสร้างไม่ได้ขอเงินใคร ไม่ได้ขอรับบริจาคจากใคร วัดนี้สร้างด้วยมือผมเอง เพื่อมอบให้เป็นสมบัติแก่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องห่วง ผมยังยิ้มได้สบายอยู่ มีคนร้องห่มร้องไห้ ฝรั่ง ลูกศิษย์ลูกหาผมเสียน้ำตาไปก็เยอะ ผมบอกอย่าไปเสีย ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นธรรมดา เราไม่สามารถรักษาอะไรไว้ให้มันอยู่ยืนยาวได้ แม้กระทั่งชีวิตเรา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างไม่อยู่คงทน มีเกิดมีแก่มีเจ็บมีตาย ธรรมดา มีได้มีเสียเป็นของธรรมดา ดังนั้นอย่าไปกังวล อย่าไปห่วง สบายมาก (หัวเราะ)"
ชมคลิป : http://youtu.be/UbZNiyD8nok


