PSPD : องค์กรพลเมืองเฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐ
PSPD : People’s Solidarity for Participatory Democracy เป็นองค์กรของพลเมืองในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง ติดตาม การใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมของพลเมืองเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีใต้
PSPD : People’s Solidarity for Participatory Democracy เป็นองค์กรของพลเมืองในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง ติดตาม การใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมของพลเมืองเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีใต้
PSPD ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 (1994) ภายหลังจากความสำเร็จในการโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลเผด็จการเกาหลีใต้ที่ครอบงำประเทศมายาวนานกว่า 30 ปี เมื่อมีรัฐบาลพลเรือนภายหลังการเลือกตั้งในปี 2536 (1993) แล้ว พลเมืองเกาหลีใต้มีความต้องการที่จะปฏิรูปสังคมเกาหลีให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ
นับตั้งแต่มีการก่อตั้ง PSPD ได้ทำหน้าที่เฝ้าระวังติดตามการใช้อำนาจของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม โดยผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นให้พลเมืองเกาหลีใต้ตระหนัก เช่น รณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวต่อประเด็นสาธารณะ ตั้งคำถามการดำเนินงานทางการเมืองของรัฐบาล และตรวจสอบนักการเมือง โดยการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เช่น ประวัตินักการเมือง การปฏิบัติหน้าที่ขณะเป็นผู้แทนราษฎร การถือหุ้นของนักการเมือง หรือหุ้นในบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น
จุดแข็งของ PSPD อยู่ที่การมีส่วนร่วมของพลเมือง โดยเฉพาะงบประมาณประจำเดือนกว่า 70% มาจากสมาชิกรายเดือนหรือรายปี ดังนั้นกิจกรรมจะมากหรือน้อยจึงขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของอาสาสมัคร เพราะหากปราศจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพลเมืองเกาหลีใต้แล้ว PSPD ก็ยากที่จะดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ นอกจากนี้ความสำคัญอยู่ที่การตระหนักถึงสิทธิพลเมืองที่รวมตัวกันอย่างมีเอกภาพ มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และทวงสิทธิของพลเมืองให้กลับคืนมา และเฝ้าระวังการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม โดยเฉพาะการต่อต้านความอยุติธรรมและการต่อต้านการฉ้อฉลการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกซอกหลืบของสังคมเกาหลีใต้
ปัจจุบัน PSPD มีสมาชิกประมาณ 1.5 หมื่นคนจากทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่ทำงานประจำเวลาประมาณ 60 คน มีสมาชิกอาสาสมัครกว่า 200 คน มีการดำเนินกิจกรรมหลักใน 9 กิจกรรม ดังนี้ 1.ศูนย์เพื่อตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม เพื่อติดตามการปฏิรูปประชาธิปไตยในระบบงานยุติธรรม พร้อมจัดทำแผนปฏิรูป โดยทางศูนย์จัดพิมพ์วารสารเพื่อติดตามการปฏิบัติงานและจัดทำหอจดหมายเหตุเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลของงานศาล
2.ศูนย์เพื่อการติดตามรัฐสภาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย โดยการติดตามการทำงานของสภาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเมืองระดับชาติ ศูนย์นี้จะตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการใช้เงินที่อุดหนุนทางการเมืองจากเอกชนและเงินอุดหนุนพรรคการเมืองที่มาจากรัฐบาล 3.ศูนย์สันติภาพและลดกำลังอาวุธ ศูนย์นี้จะศึกษาหาลู่ทางเพื่อนำสันติสุขมาสู่คาบสมุทรเกาหลี กิจกรรมของศูนย์นี้จึงมุ่งเน้นที่สันติภาพในเกาหลี เอเชียตะวันออก และติดตามนโยบายป้องกันทางการทหาร การจัดทำข้อเสนอแนะและการให้การศึกษา
4.ศูนย์การปฏิรูปภาษี เพื่อส่งเสริมความยุติธรรมและความเสมอภาคในการชำระภาษี 5.การรณรงค์สังคมโปร่งใส มีบทบาทเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น โดยออกกฎหมายเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลและป้องกันการคอร์รัปชั่น เช่น The Freedom of Information Act 6.การรณรงค์ฟื้นฟูสิทธิพลเมือง โดยการจัดทีมเพื่อให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของพลเมืองที่ถูกลิดรอนจากรัฐบาล
7.คณะทำงานเพื่อเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม โดยใช้กระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมมาทำงานด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ เช่น ในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการตรวจสอบผู้ถือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากข้อมูลภายใน โดยการเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อที่จะได้รับข้อมูลจากบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งจากการประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้น แล้วนำมาตรการทางกฎหมายเพื่อบังคับใช้ให้เกิดความรับผิดชอบและปรับปรุงให้เกิดธรรมาภิบาล
8.คณะทำงานด้านสวัสดิการสังคม เพื่อปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมให้เกิดการปกป้องและปรับปรุงสิทธิทางสังคมของผู้ด้อยโอกาส เช่น บำนาญของผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนการรณรงค์ให้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสวัสดิการสังคม 9.คณะทำงานเครือข่ายระหว่างประเทศ ทำงานด้านติดตามการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องที่เป็นกิจการงานต่างประเทศ และส่งเสริมโดยเน้นเครือข่ายระหว่างประเทศในเรื่องสิทธิมนุษยชน, ประชาธิปไตยของประเทศในเอเชียแปซิฟิก
บทเรียนรู้สำหรับ PSPD องค์กรพลเมืองเฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้และนักการเมืองของเขาถูกสังคมพลเมืองของเกาหลีใต้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทั้งในแง่การรณรงค์เคลื่อนไหวให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักการเมือง การขึ้นบัญชีดำของนักการเมืองที่มีพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชั่น แล้วลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนด้านต่างๆ และสามารถให้ออกกฎหมายการคอร์รัปชั่นที่ต้องลงโทษอย่างหนักและปกป้องพยาน ซึ่งผลงานต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น ล้วนเป็นผลมาจากการมีส่วนร่วมและความเป็นปึกแผ่นของพลเมือง
ขณะที่สังคมไทยปัจจุบัน (2557) พลเมืองในสังคมไทยโดยส่วนใหญ่มักเป็น “ไทยเฉย” ที่มักจะวางเฉยความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองทั้งในแง่การต่อต้านการคอร์รัปชั่น พฤติกรรมการทุจริตของนักการเมือง และแม้แต่พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเบียดบังผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองของนักการเมืองและรัฐบาลที่เข้ามาใช้อำนาจรัฐ
แม้แต่การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาลรักษาการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังถูกตรวจสอบโดยศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม หรือเอื้อประโยชน์ต่อครอบครัวและพวกพ้อง แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ออกมาข่มขู่ ให้ร้าย ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่องค์กรอิสระเหล่านี้กำลังตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ผมเข้าใจว่าในอนาคตสังคมไทยจะต้องรณรงค์ ส่งเสริม และสนับสนุนให้มี “องค์กรภาคพลเมืองที่เฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐแบบเกาหลีใต้ อย่าง PSPD” และสร้างพลเมืองที่ใส่ใจหรือตระหนักถึงผลประโยชน์ของชาติคู่ขนานไปกับการใช้กฎหมายหรือองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. ซึ่งผมเข้าใจว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศไทย คือการปฏิรูปคนให้เป็นพลเมืองไทยเฝ้าระวังการใช้อำนาจภาครัฐไปในทางทุจริตคอร์รัปชั่น


