เสื้อแดงขู่ยิงจนท.ร่วมกตัญญู ยอดเจ็บ 221 คน เสียชีวิต 29 คน
นายกฤษณ์ ลิขนะจุล รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิได้เรียกทีมงานทั้งหมดประชุมประเมินสถานการณ์หลังจากมีการแจ้งเตือนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 พ.ค. ว่า มีการขู่ยิงคนของมูลนิธิจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. หากเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมนุม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการปะทะกันได้เตรียมรถทั้งหมด 45 คัน และรถพยาบาล 3 คัน แต่เมื่อมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือ
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ได้กำหนดเป็นพื้นที่รุนแรง หรือ
“ฮอตโซน” ห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือให้ตำรวจหรือทหารเป็นผู้ลำเลียงผู้บาดเจ็บออกมาแทน โดยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินจะรออยู่เขตรอบนอก แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยถูกยิงเสียชีวิตแล้ว 2 คน เพราะไม่มีใครสนใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลหรือไม่ขณะนี้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยให้ 4 แสนบาท และทาง สพฉ.จะช่วยเหลือเพิ่มเติมให้เงินอีกก้อน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้ตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติงานตั้งด่านอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจ ร่วมกันบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทยทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดด้วย
สำหรับยอดผู้บาดเจ็บล่าสุด 221 คน เสียชีวิต 29 คน รวมทั้งหมด 250 คน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ตามที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสหรัฐ ได้ออกมาเตือนไม่ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการขอคืนพื้นที่การชุมนุมนั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไทยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่ง รมว.ต่างประเทศ ได้อธิบายไปแล้วว่าประเทศอื่นก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการของรัฐบาลเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ติดอาวุธ สหรัฐหรือประเทศอื่นก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ยังไม่เคยเห็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายประเทศอื่นเจรจาด้วยสันติแล้วเลิกแล้วต่อกัน แต่เป็นเรื่องการแสดงภาพของต่างประเทศที่ต้องการให้แก้ปัญหาด้วยสันติ ดังนั้นยูเอ็นกับสหรัฐแทรกแซงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้แกนนำคนเสื้อแดงพยายามเรียกร้องให้ยูเอ็นส่งทหารเข้ามาแก้ปัญหาให้


