ทบ.ปรามแดงอย่ายุให้คนเกลียดทหาร
กองทัพบกปรามเสื้อแดง อย่ายุยง ปลุกปั่นให้คนเกลียดทหาร ยันกองทัพไม่เข้าข้างใคร ”พล.อ.ประยุทธ์”ตัดสินใจเอง
กองทัพบกปรามเสื้อแดง อย่ายุยง ปลุกปั่นให้คนเกลียดทหาร ยันกองทัพไม่เข้าข้างใคร ”พล.อ.ประยุทธ์”ตัดสินใจเอง
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดง พยายามสร้างกระแสโจมตีกองทัพไม่เป็นกลาง นั้นว่า ทหารไม่ได้อยู่ข้างใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการปฏิบัติใดๆของกองทัพบกมีเหตุผลที่สามารถอธิบาย หรือตอบกับสังคมได้ ดังนั้นขออย่าพูดกันไปโดยอาศัยเพียงทัศนคติหรือความรู้สึกส่วนตัว เพราะต้องมีหลักฐานข้อพิสูจน์ในเชิงสาธารณะด้วย เพราะอาจเป็นการปลุกเร้าคนอื่นๆให้เข้าใจสับสนได้
ที่ผ่านมากองทัพบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้พยายามวางบทบาทและทำหน้าที่อย่างเหมาะสมที่สุดภายใต้กรอบกฎหมาย โดยมีเอกภาพในการบริหารกองทัพบกในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไม่ได้บริหารภายใต้การชี้นำหรือการสั่งการของใครอย่างที่บางคนเข้าใจ
พ.อ.วินธัย กล่าวชี้แจง กรณีข่าวว่า อาจมีการชี้นำการปฏิบัติจากอดีตผู้บังคับบัญชานั้น ว่า เป็นเพียงการคาดเดาทั้งสิ้น ปัจจุบันอดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านเข้าใจ เคารพและให้เกียรติกันตามธรรมเนียมวัฒนธรรมองค์กร อีกทั้งไม่เคยมีการเข้ามาแทรกแทรกในเรื่องการทำงานใดๆอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามขณะนี้พบว่า มีคนบางกลุ่มที่พูดจาบนเวทีต่างๆ ที่อาจดูไม่ค่อยเหมาะสมบ่อยครั้ง และแสดงออกในลักษณะก้าวร้าว ใช้คำหยาบคายต่อว่ากัน ซึ่งถือว่า ไม่สร้างสรรค์ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กและเยาวชน บางครั้งอาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่นอีกด้วยจึงขอให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน
โดยในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา ให้แยกบัญชีเหตุการณ์และคดีออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคดีที่เกิดขึ้นกับแกนนำ กปปส. กลุ่มนปช.และประชาชนผู้บริสุทธ์ เพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามความคืบหน้าของคดีต่างๆ
ผบ.ทบ. ยังกำชับให้ผู้บังคับหน่วยดูแลพฤติกรรมกำลังพล ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด และขบวนการค้าอาวุธสงครามตามแนวชายแดน อีกทั้งยังให้ติดตามความเคลื่อนไหวการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม และมีการพาดพิง เสียดสีของแกนนำเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มกปปส.ในกรุงเทพและกลุ่มนปช.ในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ผบ.ทบ. ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(รอง ผอ.รมน.)ยังเน้นย้ำให้กอ.รมน.ภาค ใช้เวทีหารือกับฝ่ายต่างๆ ในแต่ละจังหวัดโดยสอดแทรกในเรื่องบทบาทหน้าที่การพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยให้รอง ผอ.รมน.จังหวัด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้การดำเนินการเป็นในแนวทางเดียวกัน


