ยลงานศิลป์บนกำแพงคุกบางขวาง
แม้พวกเขาจะยังคงถูกจองจำเพื่อชดใช้ความผิดอยู่อีกหลายปี แต่ได้ออกจากห้องขังแคบๆ มาปลดปล่อยอารมณ์ผ่านการวาดรูปสวยๆ
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
กำแพงคอนกรีตติดรั้วลวดหนาม ผู้คุมหน้าตาดุดันกระชับปืนไรเฟิลบนหอคอยสูง พร้อมป้ายประกาศตัวโต "เขตอันตราย ห้ามเข้า" ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี สร้างความหวั่นเกรงแก่คนภายนอก
แต่วันนี้ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปเยือน คงรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น เมื่อได้เห็นภาพวาดสวยๆสีสันสดใสที่ถูกระบายแต่งแต้มบนกำแพงคุกด้วยสองมือกำยำของเหล่านักโทษประหารที่ใครๆต่างหวาดกลัว
เมื่อนักโทษประหารจับพู่กันวาดรูป
ภายใต้ความเชื่อมั่นแรงกล้าว่าศิลปะช่วยบำบัดจิตใจมนุษย์ได้ กรมราชทัณฑ์ จึงร่วมมือกับมูลนิธิ Art for All จัดกิจกรรมห้องเรียนศิลปะ ให้แก่ผู้ต้องขังที่มีโทษสูง คือโทษประหารชีวิต และจำคุกตลอดชีวิต หวังจะใช้ศิลปะมาบำบัดจิตใจให้อ่อนโยน มีสมาธิ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และใช้เวลาว่างระหว่างถูกจองจำในโลกแคบให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รูปแบบกิจกรรมจะมีลักษณะห้องเรียนศิลปะ คัดเลือกนักโทษมารุ่นละ 20 คน มานั่งเรียนกันใต้ต้นไม้ร่มรื่น ลมพัดเย็นๆ โดยมีครูผู้สอนที่ล้วนเป็นศิลปินอิสระมาถ่ายทอดความรู้ ตั้งแต่วาดภาพลายเส้น สีน้ำ สีอะคริลิก วาดภาพทิวทัศน์ สิ่งของ ใบหน้าคน จนบัดนี้ผ่านมาถึง 4 รุ่นแล้ว และประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
นช.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ เล่าว่าหลังจากจบโครงการ นักเรียนทุกคนคุยกันว่าอยากจะรวมตัวกันพบปะพูดคุยเรื่องศิลปะ หรือ Art Meeting แต่ไปๆมาๆกลายเป็นได้มาร่วมโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดโปรเจกต์หนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในคุกแห่งนี้ นั่นคือเนรมิตงานศิลปะลงบนกำแพงคุกบางขวาง
พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้โชว์ฝีมือ ปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่คือแนวกำแพงสูงใหญ่และทอดยาวภายในแดนการศึกษา ภายใต้การสนับสนุนจากสปอนเซอร์ใจดี สีทีโอเอ บริจาคกระป๋องสี รวมถึงอุปกรณ์พู่กัน
และแล้วการเสกศิลป์บนกำแพงคุกก็ได้เริ่มต้นขึ้น
สุนทรียภาพบนกำแพงคุก
21 ภาพวาดสีอะคริลิกขนาด 5 เมตรเบื้องหน้า แม้จะดูเหมือนยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ยังไม่มีการตั้งชื่อภาพ แต่วี่แววของความงดงามน่าประทับใจก็ปรากฏให้เห็นแล้ว
แนวคิดของภาพทั้งหมดเรียกว่าลึกซึ้งไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
"พวกเราคุยกันว่าอยากจะให้ทั้ง 21 ภาพ ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกัน นั่นคือเส้นทางชีวิตของพวกเรานักโทษประหาร
เริ่มตั้งแต่วังวนอบายมุข หลงมัวเมากับกิเลศ ตัณหา ใช้ภาพยักษ์ ผีห่าซาตานเป็นสัญลักษณ์ จนถึงตอนถูกจับเข้าคุก สะท้อนอารมณ์เครียด ความทุกข์กังวลในห้องกรงขังแคบๆ วันที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิต เราเริ่มคิดถึงความตาย อารมณ์หดหู่ สิ้นหวัง ต่อมาได้รับอภัยโทษจากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ดวงตาเห็นธรรม เริ่มมีศรัทธาในตัวเอง เห็นแสงสว่าง ไม่ต่างจากดอกบัวบานโผล่พ้นน้ำ"
น.ช.เอก นักโทษชายคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา วัย 38 เล่าให้ฟังขณะนั่งพักบนนั่งร้าน สองมือเปรอะเปื้อนสารพัดสี ใบหน้าเกรียมแดดของเขาดูมีความสุข
"คำคมที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานครั้งนี้ คือคำว่า "ต้องจำ" ความหมายแรกหมายถึงชะตากรรมของพวกเรานักโทษที่ถูกจองจำในคุกแห่งนี้ อีกความหมายหนึ่งคือผลงานศิลปะที่เราพวกในวันนี้จะต้องเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน"
"ศิลปะทำให้รู้สึกเรายังมีค่า"คำสารภาพของจิตรกรคนบาป
"ศิลปะอยู่ที่ไหนก็ได้"
น้ำเสียงฉะฉานของ น.ช.สาธิต อดีตนักโทษประหารคดียาเสพติด เขาบอกว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องอยู่เฉพาะในแกลเลอรีหรู อยู่ในหมู่คนชั้นสูง หากแต่อยู่ได้ทุกที่ อยู่กับใครก็ได้ ตราบใดที่หัวใจของคนนั้นยังซาบซึ้งในความงดงามของศิลปะ
"นักโทษบางคนญาติยังไม่เอาเลย แต่โครงการ Art For All จุดประกายให้เขารู้สึกว่าชีวิตยังมีคุณค่า ยังมีทางให้เดิน มีความหวัง อย่างตัวผมเองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีฝีมือทางศิลปะ จนมาติดคุกตอนอายุ 42 นี่แหละ (หัวเราะ)"สาธิต สร้างความภาคภูมิใจแก่คนรอบข้างได้ หลังจากผลงานภาพวาดของเขาที่ส่งประกวดในเวทีรางวัลอมตะ อาร์ต อวอร์ด ติด 1 ใน 39 ชิ้นที่ได้ถูกนำไปแสดงนิทรรศการด้วย
ล่าสุด จิตรกรจากบางขวางคนนี้ ยังเรียกเสียงฮือฮาด้วยนำดินจากแดนประหารมาใช้แทนสีในการสร้างสรรค์ผลงาน
"ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ก็แค่อยากจะบอกคนภายนอกให้รู้ว่าเรามีตัวตน ยังมีคุณค่า มีความหวัง ความศรัทธาในชีวิตครับ"
น.ช.เสาร์ชัย ศิลปินหนุ่มอีกคน บอกว่าการวาดรูปทำให้จิตใจเยือกเย็นลง มีสมาธิ ไม่มีอะไรที่จะสร้างความสงบได้เท่าทำงานศิลปะแล้ว
"ก่อนหน้านี้ชีวิตผมไม่มีสาระอะไรเลย วันๆก็กิน เดินไปเดินมา เล่นหมากรุก คุยกับเพื่อน เครียดมาก พอได้มาวาดรูป เหมือนได้ฝึกนิสัย ฝึกใจตัวเอง ได้พัฒนาฝีมือ เผลอๆได้ออกไปอาจเอาไปประกอบอาชีพได้ด้วย บางทีญาติของเพื่อนนักโทษมาเยี่ยม ผู้คุมมาเห็นเขาก็ชม เราก็ดีใจ ได้ทำสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ใช่หายใจทิ้งไปวันๆ"
น.ช.มนัส นักโทษประหารหนึ่งในโครงการ Art for All อีกรายที่เพื่อนๆต่างยกย่องว่าเป็นกระบี่มือหนึ่งในด้านการวาดภาพเหมือนของเรือนจำบางขวาง วันนี้เขากำลัวคร่ำเคร่งลงสีภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"ตั้งแต่อยู่ในนี้ ผมฝึกวาดรูปใบหน้าคนจากภาพถ่ายดารามั่ง นักร้องมั่ง เป็นสิบๆภาพ แต่ก็รู้สึกว่าภาพที่วาดไม่มีคุณค่าเท่าเราวาดภาพในหลวง พระราชินี รูปพ่อรูปแม่ของเรา
แม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พอได้อ่าน ได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแล้วตื้นตัน มีนายกฯคนไหนบ้างที่ขับรถลุยน้ำ ปีนข้ามเขาเป็นลูกๆไปช่วยชาวบ้าน แต่นี่เป็นถึงกษัตริย์
ผมวาดรูปในหลวงไว้เยอะ ใครขอผมก็ให้เขาหมด เสียดายนะ แต่เห็นเขามีความสุข เราก็ชื่นใจ"
วันนี้ แม้พวกเขาจะยังคงถูกจองจำเพื่อชดใช้ความผิดอยู่อีกหลายปี แต่ได้ออกจากห้องขังแคบๆ มาปลดปล่อยอารมณ์ผ่านการวาดรูปสวยๆ ท่ามกลางสายลมพัดโช แดดจัดจ้า
ก็ไม่ต่างอะไรกับติดปีกเสรีภาพโบยบินออกไปสู่โลกกว้าง แม้เพียงชั่วคราวก็สุขใจแล้ว


