โอฬาร พรหมใจ"ผมก็ลูกชาวนาคนหนึ่ง"

เรื่องและภาพ....อินทรชัย พาณิชกุล 

หลังขึ้นเวทีขับกล่อมมวลมหาประชาชนด้วยเสียงกีตาร์บาดลึกและบทเพลงร็อคแอนด์โรลล์อันเร่าร้อนเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา "โอ้-โอฬาร พรหมใจ" ร็อคเกอร์ระดับตำนาน หัวหน้าวงดิโอฬารโปรเจกต์ วางกีตาร์ให้โอกาส "โพสต์ทูเดย์" ได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทัศนะทางการเมือง ไล่ตั้งแต่ความผิดพลาดของรัฐบาลในนโยบายรับจำนำข้าว ทุกข์ชาวนา และการปฏิรูปสื่อ

แม้ 17 นาทีในการสนทนาจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าในทุกคำพูดเต็มไปด้วยความดุดันชัดเจน

โอฬาร เปิดเผยเหตุผลถึงการปรากฏตัวบนเวทีม็อบกปปส.ว่า เขามาเพราะความถูกต้อง

"มาที่นี่ ผมมาเพื่อความถูกต้อง เราไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอยู่แล้ว ใครจะด่าผมไม่กลัว เพราะมันเป็นเรื่องความคิด ความเชื่อส่วนบุคคล มันเป็นเรื่องของความไม่ถูกต้องที่คนกลุ่มหนึ่งต้องการจะเอาของทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา เอาของส่วนรวมไปเป็นของพวกตัวเอง ของพรรคพวก ผมว่าไม่ดี หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมันสะเทือนอารมณ์ของผม เพราะฉะนั้นจึงต้องออกมา"

ในฐานะลูกชาวนาจากอ.พาน จ.เชียงราย โอฬารยืนยันเสียงดังฟังชัดว่ารัฐบาลควรออกมายอมรับผิดได้แล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวนั้นผิดพลาด แล้วเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด

"ผมก็เป็นลูกชาวนาคนหนึ่ง นโยบายรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ฉกฉวยเอารัดเอาเปรียบมาก ทำทีว่าจะช่วยเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เอาของเขาไปหมด น่าสงสารชาวนาเขาจริงๆ แล้วที่พูดว่าชาวนาปลอม พูดมาทำไม มันไม่สมควรจะพูด น่าขยะแขยงมาก มันฆ่าหัวใจของคนที่ลำบากอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงไปอีก เส้นความหวังของเขากำลังจะขาด มาพูดอย่างนี้ก็ขาดผึง แล้วจะให้เขาไปพึ่งใคร เพราะวันนี้เขาไม่สามารถเจ้าหน้าที่รัฐได้แล้ว 

รัฐบาลควรยอมรับได้แล้วว่ามันมีข้อผิดพลาดเยอะ อย่าคิดว่าตัวเองรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างได้ ยอมรับเสียทีว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว หยุดซะ ไม่งั้นมันจะเสียหายมากไปกว่านี้ อย่าดันทุรัง อย่ากลัวเสียฟอร์ม อย่าแถข้างๆคูๆ เพราะยิ่งพูดก็มีแต่คนด่า"

โดยส่วนตัวแล้ว โอฬารมองว่าถ้าการต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศครั้งนี้สำเร็จ สองเรื่องที่ควรปฏิรูปด้วยคือนักการเมืองและสื่อมวลชน

"พรรคการเมืองบ้านเรามีเยอะเกินไป นักการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับรากหญ้า ระดับกลาง จนถึงระดับอุตสาหกรรม มันมีโอกาสที่จะสร้างกลุ่มอิทธิพล ระบบอุปถัมภ์ เอื้อประโยชน์แก่พวกเล่นพ้อง นักการเมืองหลายคนเล่นการเมืองมา 30-40 ปี ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ออกไปซะเถอะ ให้คนใหม่ที่เขารักประเทศชาติจริงๆได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่แทน อย่าคิดว่าคนรุ่นใหม่ทำไม่เป็น เขาเก่งกว่าคุณเยอะ เรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา สังคมโดยเอาคุณธรรมนำ ที่สำคัญต้องมีศิลปะ มีความงดงาม

อีกเรื่องที่ทุกคนยังมองข้ามคือข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ในเมื่อสื่อมวลชนปาวารณาตัวเองว่ารับใช้สังคมด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้องก็ต้องนำเสนอให้เขาได้รู้ข้อเท็จจริงในเชิงลึก เช่น นโยบายที่ส่อแววว่าทุจริตคอร์รัปชัน ขุดคุ้ยออกมาตีแผ่ให้รับทราบว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ต้องนำเสนอในแง่มุมนี้อย่างชัดเจน เรื่องปากท้อง พลังงาน หรือการเอาภาษีประชาชนไปลงทุนในโครงการมูลค่าเป็นแสนล้านต่างๆ ถ้าประชาชนเข้าใจ เขาจะรู้เท่าทัน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ติดตาม ตรวจสอบ

ทุกวันนี้ผมพอรู้ว่าสื่อสังกัดไหนนำเสนอข่าวจริงหรือไม่จริง ก็พยายามเบี่ยงไปดูช่องอื่น เราสามารถเลือกได้ว่าจะเสพ หรือไม่สนใจ เพราะยังมีอีกมากมายหลายช่องทางที่จะเสพข่าวสารข้อเท็จจริง ไม่ใช่รอแต่ฟรีทีวีที่ถูกครอบงำ โดยเฉพาะสถานการณ์ฉุกเฉิน เวลาที่ต้องทำให้ความจริงปรากฏขึ้น  กลับมีแต่ละคร กลายเป็นรายการวาไรตี้อะไรไม่รู้ เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าผมชอบดูการ์ตูนของคุณชัย ราชวัตร มากกว่าข่าวหลายช่อง หนังสือพิมพ์หลายเล่มเสียอีก เพราะตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว เฟซบุ๊กผมก็เล่น แต่ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เรายิ่งต้องใช้วิจารณญาณมากเป็นพิเศษ เพราะหลายคนไม่ใช้เหตุผล มีแต่อารมณ์ล้วนๆ"

การที่วงดิโอฬารโปรเจกต์มาขับกล่อมมวลมหาประชาชนบนเวทีอโศกเมื่อคืนวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นการเดินทางมามอบความสุข ปลุกขวัญ ให้กำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไป เหมือนกับบทเพลงความหมายดีๆที่ชื่อ "อย่าหยุดยั้ง"

"ดนตรีเป็นศิลปะกล่อมเกลาจิตใจคน ทำให้คนละเอียดอ่อน มันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการสร้างคน คนเราถ้ามีจิตใจละเอียดอ่อนงดงามก็จะไม่โกงใคร เพราะก่อนจะไปโกงเขามันก็ต้องคิดแล้วคิดอีก วันนี้ผมยืนเล่นกีตาร์อยู่บนเวที มองลงมาเห็นดวงตาของพวกเขา รู้สึกได้ว่าเป็นดวงตาของคนที่ต้องการสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต เห็นความถูกต้องเป็นเรื่องใหญ่ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก