หม่อมอุ๋ยเตือนรัฐบาล "ปู" เลิกทิฐิ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงจดหมายเปิดผนึกถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ โดยระบุว่าสิ่งแถลงวันนี้ไม่ได้คิดคนเดียว แต่รวบรวมจากคนหลายคน และมาจากข้อมูลที่เป็นจริง สถานการณ์ที่เป็นจริง โดยนำความรู้สึกเบื่อหน่ายของประชาชนมาร้อยเรียง และหวังว่าผู้บริหารประเทศถึงจุดหนึ่งต้องนึกถึงประเทศชาติก่อน ถ้านึกถึงประเทศชาติก่อน มันเหลือทางเดียวจริงๆ หวังว่าท่านนายกฯ จะตัดสินใจให้ถูกต้อง เพื่อให้ประเทศชาติของเราอยู่รอดได้

ขณะนี้คิดว่าไม่มีใครไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลวไปแล้ว เป็น Failed Government ผมย้อนให้ดูแค่ 2 เดือนยังล้มเหลว อย่างนี้จะเดินอย่างไรไหว ประเทศไทยไม่ใช่ Failed State แต่เป็น Failed Government รัฐหรือประเทศไทยไม่ได้ล้มเหลวหรอก เพราะจีดีพี 80% อยู่ในมือเอกชน เพียงแต่มันจะไปไม่ไกล สิ่งที่กำลังพูดตอนนี้คือ ทำอย่างไรจะทำให้เศรษฐกิจไม่ชะงักและก้าวไกล เศรษฐกิจเราอยู่ได้ แต่มันไม่ก้าวต่อเออีซียังมาไม่ได้

ที่น่าห่วงคือการลงทุนใหม่เกิดยาก เพราะโครงสร้างพื้นฐานไม่เกิด โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท มีโครงการที่ดีๆ มากกว่าครึ่ง และรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจริงๆ แต่ถ้าขยับไม่ได้ เพราะคนกลัวว่าจะโกงกัน เศรษฐกิจก็ขยับไม่ได้จะรับอาเซียนก็รับไม่เต็มที่ นักลงทุนบอกว่าอย่างนั้นก็รับไม่ไหว ยิ่งการเลือกตั้งไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนจึงจะเสร็จ นักลงทุนก็จะหยุดดูก่อน ซึ่งหากหยุดไปสัก 34 เดือน มันจะหยุดเลย

เมื่อถามว่าออกมาแถลงอย่างนี้ เพราะคิดว่าจะเป็นคนกลางที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การออกมาอย่างนี้ถือว่าเป็นการตัดแข้งตัดขาตัวเองด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครออกมาพูดและที่ออกมาอย่างนี้เชื่อว่ารัฐบาลก็ด่าผมเละแน่

ส่วนที่มาของรัฐบาลคนกลางจะมาจากไหน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า ไม่รู้ เพียงแต่รู้ว่ามีช่องทาง จึงขอให้ไปถามนักกฎหมายดูว่าช่องทางเป็นอย่างไร ตอนนี้มีให้เลือกเยอะ จะใครก็ได้ อย่าง นพ.ประเวศ วะสี ก็ได้ แต่ต้องเป็นคนกลางที่ประชาชนเชื่อถือและศรัทธา งานถึงจะเดินต่อไปได้ เพราะรู้ว่าทำแล้วไม่มีคอร์รัปชั่น

เมื่อถามว่ารัฐบาลบอกว่าไม่มีกฎหมายใดที่จะให้มีรัฐบาลคนกลาง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันว่า มี และมีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับด้วย รัฐธรรมนูญของไทยก็เป็นรัฐธรรมนูญที่ดี เราเปิดช่องไว้แล้ว เมื่อถึงจุดที่ถึงทางตันจริงๆ มันมีทางออกที่จะตั้งคนกลางได้ รัฐธรรมนูญปี 2550 ผ่านสภาและประชาชนโหวตรองรับมาแล้วตามประชาธิปไตย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศต่างๆ ทั้งโลก หากโดนคนออกมาประท้วงแบบนี้ เปิดใจพูดแบบนี้ ว่าไม่เอาแล้วโว้ย ทนไม่ไหว ออกมาบอกเลยว่าโกงอย่างนี้ไม่เอา และระแวงทุกเรื่องที่โกง อย่างนี้รัฐบาลทั้งโลก เขาลาออกไปนานแล้ว และปล่อยให้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย พาไปสู่หนทางสุดท้ายเอง

“อย่าไปทำเก่งเป็นนักกฎหมายเอง ให้คิดง่ายๆ ว่าอยากให้ประเทศชาติไปรอดไหม ระหว่างให้คน 1 คน หรือ 20 คนลาออก เพื่อให้คนเกือบ 3 ล้านคน กลับเข้าบ้าน คิดว่าอะไรยากกว่า และคน 3 ล้านกว่าคนเป็นคนไทย เราต้องเคารพความเห็นเขาด้วย อะไรทำง่ายก็ทำอันนั้น เพื่อให้ประเทศไปรอด นั่นคือผู้นำที่แท้จริง” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

สำหรับกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า เป็นกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง แต่ถ้าออกมาสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่ต่อไป แล้วประเทศเดินต่อไปไม่ได้ มวลชนเหล่านั้นก็จะตกงานเพิ่มขึ้น ตนไม่ได้ทำเพื่อมวลชนไหน แต่ทำเพื่อประเทศชาติ เพียงแต่ว่าไม่สามารถพูดให้คนที่ออกมา 3 ล้านคน กลับบ้านได้

“ถ้าคุณไปนั่งในกลุ่มผู้ประท้วง เขาออกมาด้วยเจตนารมณ์ที่แท้จริงว่า ทนไม่ไหวแล้วกับคนที่มีพฤติกรรมส่อคอร์รัปชั่นให้บริหารประเทศต่อไป ผมพูดเพื่อมวลชนทั้งมวลให้เศรษฐกิจมันดี มีกินมีใช้ มีงานทำกันต่อไป เลิกทิฐิเท่านั้นเอง ไม่ได้ไล่ให้คุณเลิกเล่นการเมือง เพียงขอให้หยุด แล้วถ้าทำตัวดีมวลชนก็เลือกคุณกลับมาเอง มวลชนก็เลือกคุณเอง ขอให้คิดอย่างมีสติ” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

ส่วนคำถามที่ว่ามีโอกาสเกิดรัฐประหารหรือไม่ บอกได้ว่า ไม่มี ที่ตนออกมาก็เพื่อตัดการรัฐประหาร วิธีนี้เป็นที่จะทำให้เราเป็นประเทศร่มเย็น ไม่มีใครตำหนิได้ว่าต้องรัฐประหาร

การที่เสนอให้รัฐบาลลาออก และสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.ก็เคยพูดมาแล้ว ถ้าลาออกก็กลับบ้าน ขอให้มีคนกลางเข้ามาก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้ทำเพื่อให้ใครชนะ แต่อยากให้ประเทศชาติอยู่รอด ให้มันสงบก่อน และหาคนมาปฏิรูปมาวางกฎเกณฑ์และปีหน้าก็เลือกกันใหม่